คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ น.สั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กันเมื่อตกมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์โดยฐานเป็นผู้รับเงิน โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 และ น.เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามมาตรา 900 ที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า น.สั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ (ต่อมา น.ถึงแก่กรรม โจทก์ขอให้จำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกชำระหนี้) แต่จำเลยปฏิเสธนั้นจะเท็จจริงอย่างไรไม่สำคัญ เพราะเป็นรายละเอียดไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คมาอย่างไร เมื่อเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกโดยมีมูลหนี้แม้มิได้ลงวันที่สั่งจ่าย โจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คก็ชอบที่จะลงวันที่ได้ไม่เป็นการฉ้อฉลจำเลยทั้งสองในฐานะผู้รับมรดกของ น. จึงต้องร่วมกันใช้เงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๑๖ นายนำได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการจำกัด สาขาตรัง ลงวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๑๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาทชำระหนี้ให้โจทก์ ต่อมาวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๑๖ โจทก์นำเช็คไปเบิกเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน นายนำถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๑๖ โจทก์ได้ทวงถามจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกให้ชำระหนี้ จำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยชำระเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๑๖ ถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๔๕๓.๗๐ บาท และนับตั้งแต่วันฟ้องต่อไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า นายนำได้ออกเช็คให้นายก๋าวบิดาโจทก์ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๑๑ เพื่อค้ำประกันหนี้เงินที่นายบำรุงยืมจากนายก๋าว ต่อมานายบำรุงได้ชำระหนี้ให้แล้ว แต่ไม่ได้ขอเช็คคืน โจทก์คบคิดกับนายก๋าวฉ้อฉลจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบและเพิ่งประทับตราออกเช็คเป็นวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๑๖ คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครั้ง ต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
วินิจฉัยว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ นำสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กันเมื่อตกมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์โดยฐานเป็นผู้รับเงิน โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๔ และ นำเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามมาตรา ๙๐๐ ที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายนำสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ (ต่อมา น.ถึงแก่กรรม โจทก์ขอให้จำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกชำระหนี้) แต่จำเลยปฏิเสธจะเท็จจริงอย่างไรไม่สำคัญ เพราะเป็นรายละเอียดไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คมาอย่างไร และที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่านายนำสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันเงินกู้ที่นายบำรุงกู้จากนายก๋าวคบคิดกันฉ้อฉลโดยเพิ่งประทับตราวันออกเช็คนั้น เห็นว่าเช็คพิพาทมิได้ลงวันที่สั่งจ่าย ก็แสดงโดยปริยายว่าเจตนาจะให้ผู้ทรงลงเอาเองในภายหลังโจทก์ในฐานะผู้ทรงจึงชอบที่จะกระทำได้ ไม่เป็นการฉ้อฉล โจทก์ฟ้องคดีวันที่ ๖ พฤศจิกายน๒๕๑๖ ภายในกำหนด ๑ ปี คดีไม่ขาดอายุความพิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
(ถนอม ครูไพศาล – เดช วุฒิสิงห์ชัย – แถม ดุลยสุข
ศาลจังหวัดตรัง นายกนก พรรณรักษา
ศาลอุทธรณ์ นายกิจจา นาญกิจ

Share