คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุตรจำเลยขับจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์จำเลยจึงได้ทำสัญญาปรองดองกัน โดยฝ่ายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา ดังนี้วัตถุประสงค์ของสัญญามีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญายอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ในกรณีที่นายวรชัยบุตรจำเลยได้ขับรถจักรยานยนต์ชนเด็กชายปรีชาและเด็กหญิงเยาวดีบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยความประมาทขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าตามข้อสัญญา จำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายเมื่อโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา แต่โจทก์กลับไปแจ้งความให้ดำเนินคดีแก่บุตรจำเลย โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา และสัญญามีวัตถุประสงค์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า สัญญามีข้อความกำหนดไว้ว่าผู้เสียหายไม่เอาความผิดในคดีอาญา คือ เป็นข้อตกลงกันที่มิให้ฟ้องคดีอาญาแผ่นดินข้อตกลงนี้จึงขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเป็นโมฆะ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์จำเลยถึงแก่กรรม ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งตั้งให้ ร้อยตรีไพโรจน์และนายปริญญาบุตรจำเลยเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยตามคำร้องของโจทก์ และศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า สัญญาท้ายฟ้องมุ่งประสงค์เรื่องการชดใช้ค่าเสียหายในกรณีละเมิด มิใช่มุ่งประสงค์จะระงับการฟ้องร้องคดีอาญา เป็นสัญญาที่สมบูรณ์บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นอื่น ๆ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่
ผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาข้อ ๑ มีความว่า “เนื่องด้วยนายวรชัยนาคฉัตรีย์ บุตรนายชด นาคฉัตรีย์ ได้ขี่จักรยานยนต์ชนบุตรนางทิพย์สงวนสัตย์ กับบุตรนายเกื้อ แย้มผอบ บาดเจ็บ ๔ คน แต่ผู้เสียหายยอมทำสัญญาปรองดองกัน นายชด นาคฉัตรีย์ ยอมเป็นผู้รับใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายผู้เสียหายไม่เอาความผิดในคดีอาญา” ส่วนสัญญาข้อต่อ ๆ ไปเป็นเรื่องกำหนดรายการค่าเสียหาย สัญญาดังกล่าวมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนคือ จำเลยมีหน้าที่ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ และโจทก์มีหน้าที่ไม่เอาผิดในคดีอาญาที่บุตรจำเลยขับรถชนบุตรโจทก์ ซึ่งหมายถึงโจทก์จะต้องไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุตรจำเลยในข้อหาขับรถจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์โดยประมาทอันเป็นคดีอาญาแผ่นดิน เหตุที่จำเลยทำสัญญายอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ก็โดยมุ่งประสงค์ไม่ให้โจทก์แจ้งความดำเนินคดีอาญาแผ่นดินต่อบุตรจำเลยเป็นการตอบแทนกันวัตถุประสงค์ของสัญญาจึงมีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดิน จึงเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share