คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1729/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครรายใดและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่แล้ว จะให้ผู้สมัครต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช่จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ต้องตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งให้ได้ความอย่างแน่ชัดว่าผู้สมัครนั้นกระทำการอันมีเหตุให้โจทก์สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ ย่อมไม่อาจเยียวยาความผิดพลาดอันเกิดจากการออกคำสั่งซึ่งย่อมไม่เป็นธรรมแก่ผู้สมัคร หากข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้สมัครกระทำการดังกล่าวแล้ว คำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครย่อมไม่มีผลผูกพันให้ผู้สมัครนั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง ได้
ข้อความการกล่าวปราศรัยของ อ. ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของจำเลยเข้ากับทีมงานการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดินว่ามีส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการของบประมาณในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างไร หากจำเลยไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลงิ้ว ย่อมมีความหมายในทำนองให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลยโดยนำเรื่องงบประมาณในการพัฒนาท้องถิ่นมาเป็นข้อต่อรอง อันมีลักษณะเป็นการหลอกหลวงหรือจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย เป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 เมื่อจำเลยมีส่วนในการก่อ หรือสนับสนุนการกระทำดังกล่าวของ อ. จนโจทก์มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยและให้มีการเลือกตั้งใหม่ จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ตาม มาตรา 99 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
การฟ้องขอให้บังคับจำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่หาจำต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญา สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่ศาลจะต้องถือข้อเท็จจริงตามคดีอาญาแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 นับแต่วันที่ 18 เมษายน 2550 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 13,861 บาท รวมเป็นเงิน 225,990 บาท และดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวในต้นเงิน 212,129 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 225,990 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 212,129 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า จำเลยต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าวแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า โจทก์เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งใช้บังคับในขณะนั้น มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดให้มีการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม การที่โจทก์พิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 96 โดยเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครนั้นกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ หรือมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่าผู้สมัครนั้นก่อให้ผู้อื่นกระทำ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าว และโจทก์เห็นว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะมีผลให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม อันเป็นการใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานและดำเนินการไปในกระบวนการเลือกตั้ง คำสั่งดังกล่าวย่อมมีผลเฉพาะในส่วนการจัดการเลือกตั้งตามอำนาจหน้าที่ของโจทก์ แต่การที่จะขอให้ศาลบังคับให้ผู้สมัครที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง เป็นการบังคับให้รับผิดในทางแพ่งที่อาศัยข้ออ้างที่โจทก์เห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครนั้นกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ หรือมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ผู้สมัครก่อให้ผู้อื่นกระทำ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าว หรือผู้สมัครกระทำการใด ๆ โดยไม่สุจริตเพื่อให้ตนเองได้รับการเลือกตั้ง หรือมีการฝ่าฝืนตามมาตรา 57 จนเป็นเหตุให้โจทก์มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและให้มีการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าว ศาลจึงต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความว่าผู้สมัครนั้นกระทำการเช่นที่ว่านี้หรือไม่เสียก่อน ลำพังการที่โจทก์สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครรายใดและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่แล้ว จะให้ผู้สมัครนั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่โดยไม่ต้องตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งให้ได้ความอย่างแน่ชัดว่าผู้สมัครนั้นกระทำการอันมีเหตุให้โจทก์สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ ย่อมไม่อาจเยียวยาความผิดพลาดอันเกิดจากการออกคำสั่งนั้น ซึ่งย่อมจะไม่เป็นธรรมแก่ผู้สมัคร หากข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้สมัครกระทำการดังกล่าวแล้ว คำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครย่อมไม่มีผลผูกพันให้ผู้สมัครนั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวได้ คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่าจำเลยไม่ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งตามที่โจทก์ฟ้อง แต่เป็นกรณีที่จำเลยถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง คดีจึงยังมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยให้ได้ความตามที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า บทบัญญัติมาตรา 99 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 เป็นบทบังคับเด็ดขาดให้ผู้สมัครที่ถูกโจทก์สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย สำหรับปัญหาว่าจำเลยกระทำการอันเป็นเหตุให้โจทก์เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยหรือไม่นั้น ศาลล่างทั้งสองยังไม่ได้วินิจฉัย แต่เมื่อโจทก์และจำเลยต่างสืบพยานหลักฐานจนเสร็จสิ้นแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวน ในปัญหานี้ปรากฏจากสรุปสำนวนคำวินิจฉัยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งในชั้นสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการ จำเลยและพยานให้การไปในทำนองเดียวกันว่าจำเลยและนายอุดมเป็นทีมงานเดียวกัน ร่วมปราศรัยหาเสียงด้วยกัน โดยต่างเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น การจะกระทำสิ่งใดให้เป็นที่เสียหายแก่การเลือกตั้งที่มีสมาชิกพรรคการเมืองเดียวกันลงสมัครรับเลือกตังในลักษณะเช่นนี้ ย่อมส่งผลเสียหายต่อพรรคการเมืองที่ตนสังกัด และอาจถูกตำหนิจากผู้บริหารพรรคการเมืองจนส่งผลกระทบต่ออนาคตทางการเมืองของตนได้ ไม่น่าเชื่อว่านายอุดมจะกลั่นแกล้งจำเลยด้วยการกล่าวปราศรัยที่ส่งผลร้ายต่อจำเลยดังที่กล่าวอ้าง พยานหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักน้อย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยก่อ หรือสนับสนุนให้นายอุดมกล่าวปราศรัยในวันดังกล่าวจริง ข้อความกล่าวปราศรัยของนายอุดมที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของจำเลยเข้ากับทีมงานการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหาราชการแผ่นดินว่ามีส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการของบประมาณในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างไร หากจำเลยไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลงิ้วแล้วจะส่งผลกระทบต่อการของบประมาณอย่างไร ย่อมมีความหมายในทำนองให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลยโดยนำเรื่องงบประมาณในการพัฒนาท้องถิ่นมาเป็นข้อต่อรอง อันมีลักษณะเป็นการหลอกลวง หรือจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 เมื่อจำเลยมีส่วนในการก่อ หรือสนับสนุนการกระทำดังกล่าวของนายอุดม จนโจทก์มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยและให้มีการเลือกตั้งใหม่ จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง ส่วนที่จำเลยอ้างว่าในมูลเดียวกันนี้จำเลยถูกดำเนินคดีทางอาญาในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ตามสำเนาคำพิพากษา ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัตินี้ และไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องนั้น เห็นว่า มูลคดีนี้เกิดจากการที่โจทก์สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยและให้มีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ หรือมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่าผู้สมัครนั้นก่อให้ผู้อื่นกระทำ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าว และโจทก์เห็นว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะมีผลให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม การฟ้องขอให้บังคับจำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่หาจำต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญา สิทธิเรียกร้องคดีนี้จึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่ศาลจะต้องถือข้อเท็จจริงตามคดีอาญาแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาจำต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ เห็นว่า โจทก์เป็นองค์กรพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 13 ลงวันที่ 20 กันยายน 2549 และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 26 ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 ที่ใช้บังคับในขณะนั้น มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มีการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม การเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่เป็นการใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 ที่กำหนดให้มีอายุความ 10 ปี หาใช่กรณีที่ต้องใช้บทกฎหมายใกล้เคียงมาปรับแก่คดีว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรม หรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผู้อื่น อันจะมีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) (7) ประกอบมาตรา 4 ดังที่จำเลยกล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่ เมื่อโจทก์จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนี้ไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 และฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
อนึ่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้โจทก์ได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงในการดำเนินคดี ซึ่งรวมถึงค่าแต่งทนายความ ค่ารับรองเอกสาร และค่าใช้จ่ายในการส่งคำคู่ความกับคำบังคับด้วย ที่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวมาเป็นการไม่ชอบ จึงต้องสั่งคืนแก่โจทก์
พิพากษายืน ให้ยืนค่าแต่งทนายความ ค่ารับรองเอกสาร และค่าใช้จ่ายในการส่งคำคู่ความกับคำบังคับแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share