แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซึ่งเป็นบุตรโจทก์ได้พูดกับโจทก์ว่า “แม่จะไปอยู่ที่ไหนก็ตามใจแม่เถอะ เพราะที่นี่เป็นสิทธิขาดของผมแล้ว” เป็นเพียงคำพูดยืนยันว่าที่ดินที่โจทก์ยกให้นั้นเป็นของจำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิในที่ดิน โจทก์พอใจจะอยู่หรือจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่ใช่พูดขับไล่โจทก์ออกไปจากที่ดินของจำเลยไม่ถือว่าเป็นการประพฤติเนรคุณโดยการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531(2) เพียงแต่เป็นคำพูดที่บุตรไม่ควรพูดกับมารดาซึ่งมีพระคุณของตนเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบุตรของโจทก์ โจทก์กับสามียกที่ดินให้จำเลยโดยเสน่หาตาม น.ส.3ก. เลขที่ 1288 ตำบลท่าตูมอำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่ 26 ไร่เศษเพื่อให้จำเลยอุปการะเลี้ยงดูสามีและโจทก์ยามชรา ประมาณ 2 ปีก่อนฟ้องจำเลยละเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตามหน้าที่และศีลธรรมตามกฎหมายโจทก์มีชีวิตยากไร้ จำเลยได้พูดขับไล่โจทก์ให้ออกจากที่ดินแปลงที่โจทก์ยกให้ การกระทำของจำเลยถือว่าประพฤติเนรคุณ ขอให้บังคับจำเลยคืนที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1288 ให้โจทก์กึ่งหนึ่งเนื้อที่ 13 ไร่ 5 ตารางวา กับให้จำเลยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แยกที่ดินเฉพาะส่วนที่กล่าวให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้เลี้ยงดูโจทก์ตลอดมาและไม่เคยพูดจาขับไล่โจทก์ออกจากที่ดิน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยพูดกับโจทก์ว่า “แม่จะไปอยู่ที่ไหนก็ตามใจแม่เถอะ เพราะที่นี่เป็นสิทธิขาดของผมแล้ว” นั้นเป็นเพียงคำพูดที่ยืนยันว่าที่ดินที่โจทก์ยกให้นั้นเป็นของจำเลยแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิในที่ดิน โจทก์พอใจจะอยู่หรือจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้เท่านั้น ไม่ใช่พูดขับไล่โจทก์ออกไปจากที่ดินของจำเลย อันจะถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณโดยการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) เพียงแต่เป็นคำพูดที่บุตรไม่ควรจะพูดกับมารดาซึ่งมีพระคุณของตนเท่านั้นศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน