แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้จำนองพร้อมด้วยดอกเบี้ยที่ค้างชำระและดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคำให้การของจำเลยมิได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าเป็นคำให้การต่อสู้คดี พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยตั้งแต่วันผิดนัด โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตามฟ้องเมื่อในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้อุทธรณ์ว่าไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ ทั้งมิได้แก้อุทธรณ์ว่าคำให้การจำเลยมีประเด็นดังกล่าวดังนี้ ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ต้องชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลย และโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราที่โจทก์ขอ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จำนองที่ดินไว้แก่โจทก์เป็นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ครบกำหนดแล้วไม่ไถ่ถอน โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวแล้วจำเลยเพิกเฉย จำเลยค้างชำระดอกเบี้ยเป็นเงิน ๒๓,๓๓๓.๓๓ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้จำนองพร้อมด้วยดอกเบี้ยที่ค้างชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง หากไม่ชำระให้นำทรัพย์ที่จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้
จำเลยให้การว่า ได้จำนองทรัพย์ตามฟ้องไว้แก่โจทก์จริง เมื่อโจทก์ทวงถาม จำเลยได้มีหนังสือตอบปฏิเสธไปว่าไม่เคยค้างชำระค่าดอกเบี้ยและขอขยายเวลาไถ่ถอนการจำนอง โจทก์จึงยังไม่ควรที่จะใช้สิทธิฟ้องบังคับจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าเป็นคำให้การต่อสู้คดีตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันครบกำหนดตามหนังสือบอกกล่าวและถือว่าจำเลยผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้นำทรัพย์ที่จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามคำฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การแล้วว่าจำเลยไม่เคยค้างชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ เมื่อไม่มีการสืบพยานจึงฟังว่าจำเลยค้างชำระดอกเบี้ยไม่ได้ ทั้งในระหว่างวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๕ ถึงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๒๕ อันเป็นช่วงเวลาที่โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลจึงไม่มีสิทธิที่จะได้ดอกเบี้ยจากจำเลย หรือหากโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยก็คิดได้เพียงในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานของคู่ความและพิพากษาคดีให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์โดยวินิจฉัยว่า คำให้การของจำเลยมิได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าเป็นคำให้การต่อสู้คดีตามที่โจทก์ฟ้อง อันมีความหมายว่าจำเลยไม่ได้ต่อสู้เรื่องดอกเบี้ยไว้ด้วย ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยก็ไม่ได้อุทธรณ์ว่าไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ ทั้งมิได้แก้อุทธรณ์ว่าคำให้การจำเลยมีประเด็นดังกล่าว จำเลยเพิ่มจะยกปัญหาเรื่องนี้ขึ้นเป็นประเด็นในชั้นฎีกา ฉะนั้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลย จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย