คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ไว้ โดยมีข้อสัญญาต่อกันว่าให้โจทก์เปลี่ยนรถคันใหม่เข้าประกันแทนรถคันเดิมได้แต่การโอนนี้จะมีผลเมื่อใดไม่มีข้อตกลงไว้แน่ชัด โจทก์มีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยขอโอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถคันใหม่ ระหว่างที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากจำเลย คนขับรถของโจทก์ขับรถคันเดิมชนราวสะพานได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นโจทก์จึงได้รับหนังสือสนองตอบจากจำเลยว่าได้สลักหลังกรมธรรม์และลงนามไว้เป็นสำคัญ ณ วันที่ตอบสนอง เห็นได้ว่าจำเลยมิได้ถือว่าการขอโอนกรมธรรม์มีผลก่อนวันที่ระบุไว้ในหนังสือตอบสนอง หรือตั้งแต่วันที่โจทก์มีหนังสือขอโอน การแสดงเจตนายอมรับการโอนการคุ้มครองรถย่อมมีผลเมื่อโจทก์ได้รับหนังสือสนองตอบของจำเลยอันเป็นเวลาหลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด เพราะวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่รถคันที่เกิดเหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลข ก.ท.ย. ๐๓๓๗ ของโจทก์เป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท กำหนดเวลา ๑ ปี เป็นการประกันแบบคุ้มครองถึงบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากรถยนต์คันที่เอาประกันด้วย วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๑ ซึ่งอยู่ในอายุการประกันรถยนต์คันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุชนราวสะพานได้รับความเสียหาย ๓๑,๐๕๐ บาท ราวสะพานเสียหาย ๕,๒๖๖.๕๖ บาท และมีผู้รับบาดเจ็บต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน ๒,๒๔๖.๔๐ บาท จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถ ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยเคยรับประกันภัยรถคันพิพาทจริง แต่ต่อมากลางเดือนตุลาคม ๒๕๑๑ โจทก์จำเลยตกลงยกเลิกการคุ้มครองรถคันพิพาทให้โอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถยนต์คันอื่น ขณะรถคันพิพาทเกิดอุบัติเหตุเป็นเวลาภายหลังตกลงยกเลิกการคุ้มครองแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิด และลูกจ้างโจทก์ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ค่าเสียหายในการซ่อมรถไม่เกิน ๙,๐๐๐ บาท ค่าเสียหายนอกจากนี้โจทก์ไม่ได้จ่ายไปจริง และมีจำนวนไม่ถึงเท่าที่ฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๓๘,๕๖๒.๙๖ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ย. ๐๓๓๗ เป็นของบริษัทโจทก์ได้เอาประกันภัยไว้กับบริษัทจำเลย เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๑ รถคันนี้ได้ชนราวสะพานได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บก่อนเกิดเหตุคือวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๑ โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยขอโอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถคันใหม่ และยังไม่ได้รับตอบจากจำเลยก็เกิดเหตุเสียก่อน โจทก์ได้รับหนังสือลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๑ ตอบตกลงโอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถคันใหม่ภายหลังเกิดเหตุแล้วโดยโจทก์จำเลยมีสัญญาต่อกันอยู่ก่อนแล้วว่า ยอมให้โจทก์เปลี่ยนรถคันใหม่เข้าประกันแทนรถคันเดิมในระหว่างอายุสัญญาประกันได้ ส่วนการโอนการคุ้มครองรถยนต์จากคันเดิมไปคุ้มครองคันใหม่จะมีผลเมื่อใดไม่มีข้อตกลงกันไว้แน่ชัดกลับได้ความว่าเมื่อโจทก์มีหนังสือขอโอนการคุ้มครองรถจากคันหนึ่งไปคุ้มครองอีกคันหนึ่ง จำเลยได้มีหนังสือสนองตอบโดยแสดงไว้ในหนังสือสนองตอบว่าได้สลักหลังกรมธรรม์และลงนามไว้เป็นสำคัญ ซึ่งเห็นได้ว่าบริษัทจำเลยมิได้ถือว่าการขอโอนกรมธรรม์มีผลก่อนวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๑หรือตั้งแต่วันที่โจทก์มีหนังสือขอโอน กรณีต้องถือว่าการแสดงเจตนายอมรับการโอนกรคุ้มครองรถมีผลเมื่อโจทก์ได้รับหนังสือสนองตอบของจำเลยอันเป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิดเพราะวินาศภัยที่เกิดขึ้นกับรถคันที่เกิดเหตุนั้น
พิพากษายืน

Share