คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2530

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

คดีร้องขอคืนของกลาง ผู้ร้องมิได้ฎีกาโดยตรงว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เพียงแต่กล่าวในฎีกาว่าผู้ร้องถอถือเอาคำอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นคำฎีกาของผู้ร้องส่วนหนึ่งด้วย เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ
คดีนี้พิพาทในเรื่องขอคืนของกลางเท่านั้น สำหรับคดีเดิมเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและริบของกลาง ไม่ปรากฏว่ามีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวย่อมถึงที่สุดผู้ร้องจะมาโต้เถียงในชั้นนี้ว่าจำเลยมิได้ใช้ของกลางในการกระทำผิด คำพิพากษาในคดีเดิมที่ริบของกลางไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติการประมงและให้ริบเรือยนต์ประมงของกลางซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เรือยนต์ประมงของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ได้ให้จำเลยเช่ามีกำหนด 1 ปี ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยใช้เรือยนต์ประมงของกลางไปกระทำความผิด ขอให้คืนเรือยนต์ประมงของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้านว่า สัญญาเช่าเรือยนต์ประมงของกลางทำขึ้นหลังจากจำเลยถูกจับ ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว สั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดหรือไม่ ปัญหานี้ผู้ร้องมิได้ฎีกาโดยตรงเพียงแต่กล่าวในฎีกาว่าผู้ร้องขอถือเอาคำอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นคำฎีกาของผู้ร้องส่วนหนึ่งด้วยเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องอีกข้อหนึ่งว่าจำเลยมิได้ใช้เรือยนต์ประมงของกลางในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้นั้น เห็นว่าคดีนี้พิพาทกันในเรื่องขอคืนของกลางเท่านั้น สำหรับคดีเดิมเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและริบของกลาง ไม่ปรากฏว่ามีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงถึงที่สุด ศาลต้องบังคับคดีไปตามนั้น ผู้ร้องจะมาโต้เถียงในชั้นนี้ว่าคำพิพากษาคดีเดิมไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share