คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อตกลงระหว่างทายาทที่ให้ทายาทคนหนึ่งชำระหนี้สินของเจ้ามรดกทั้งหมดแล้วยินยอมให้ทายาทผู้ชำระหนี้ดังกล่าวแต่ผู้เดียวลงชื่อรับมรดกส่วนของเจ้ามรดกในโฉนดที่ดินนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องทายาทสละมรดก ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 เพราะการสละมรดกตามมาตรานี้หมายถึงการสละส่วนของตนโดยไม่เจาะจงว่าจะให้แก่ทายาทคนใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามและจำเลยต่างเป็นบุตรนายเชื่อม นางตุ๊ ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว โดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ ปรากฏว่ามีทรัพย์สินอยู่ทั้งหมดคือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 5451, 5634 และบ้านเลขที่ 66 หนึ่งหลัง ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 5451 หลังจากนายเชื่อมถึงแก่กรรมแล้วไม่ได้แบ่งทรัพย์สินบริคณห์ นางตุ๊ ปั้นดีกับบุตรได้ร่วมกันปกครองตลอดมา และได้ตกลงกันให้จำเลยไปขอรับโอนมรดกที่ดินทั้ง 2 โฉนด โดยใส่ชื่อจำเลยแทนทายาททั้งหมด

ครั้นนางตุ๊ถึงแก่กรรม ทายาททั้งหมดมอบให้จำเลยไปขอรับโอนทรัพย์มรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 5634 ซึ่งมีชื่อนางตุ๊เป็นเจ้าของร่วมโดยใส่ชื่อจำเลยในโฉนดแทนทายาททั้งหมด

ต่อมาโจทก์ทั้งสามและทายาทอื่นตกลงแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 5451,5634 ตามส่วนและบ้านเลขที่ 66 ให้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน รวมโจทก์ทั้งสามคนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งคิดเป็นเงิน 18,000 บาท จำเลยขัดขวางไม่ยอมแบ่งให้ ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ทั้งสามได้กรรมสิทธิ์ในบ้านเลขที่ 66 คนละหนึ่งส่วนในเจ็ดส่วน ที่ดินโฉนดที่ 5451 คนละ 2 งาน 64 วา และที่ดินโฉนดเลขที่ 5634 คนละ 1 ไร่ 2 งาน 37 วา ถ้าไม่สามารถแบ่งกันได้ก็ให้ขายทอดตลาดแบ่งเงินกินตามส่วน

จำเลยให้การว่า ขณะนายเชื่อม ปั้นดี ถึงแก่กรรม ได้เป็นหนี้เงินกู้บุคคลผู้มีชื่อ 10,800 บาท หนี้จำนอง 10,400 บาท ทายาททุกคนตกลงแบ่งมรดกกันโดยให้จำเลยรับใช้หนี้ดังกล่าวทั้งหมดและยกที่ดินโฉนดเลขที่ 5451, 5634 ให้จำเลยรับไปแต่ผู้เดียวส่วนบ้านเลขที่ 66 ให้นางเกษร เทียมสะอาด จำเลย ใช้หนี้ของนายเชื่อม ปั้นดี หมดสิ้นแล้ว ที่ดินทั้ง 2 แปลงจึงตกเป็นของจำเลย จำเลยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตลอดมา โจทก์ทั้งสามไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้อง สิทธิรับมรดกจึงขาดอายุความแล้ว หากมีการแบ่งมรดกกันโจทก์ทั้งสามต้องรับภาระหนี้สินของบิดารวมทั้งดอกเบี้ยและค่าทำศพด้วย

วันนัดชี้สองสถาน โจทก์ทั้งสามสละข้อหาเกี่ยวกับเรือนมรดกเลขที่ 66 และแถลงรับว่าจำเลยได้ชำระหนี้กู้ยืมและหนี้จำนองที่นายเชื่อม ปั้นดี ก่อไว้จริงต่อมาวันสืบพยานโจทก์ โจทก์ที่ 3 ขอถอนฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ทายาทตกลงกันให้จำเลยชำระหนี้แทนนายเชื่อม ปั้นดี และรับมรดกที่ดินส่วนของนายเชื่อม ปั้นดี ทั้ง 2 แปลง แต่ผู้เดียว ส่วนที่ดินโฉนดที่ 5634 นางตุ๊มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลย เมื่อนางตุ๊ถึงแก่กรรม ก็ต้องตกได้แก่ทายาททั้ง 7 คนและจำเลยได้จ่ายเงินค่าทำศพนางตุ๊ไป 10,000 บาท พิพากษาให้นาที่ดินโฉนดเลขที่ 5634 ส่วนที่เป็นมรดกของนางตุ๊กึ่งหนึ่งหักใช้ค่าปลงศพ 10,000 บาท ให้จำเลยก่อน ส่วนที่เหลือให้แบ่งเป็น 7 ส่วน ให้โจทก์ทั้งสองได้รับคนละ 1 ส่วน โดยแบ่งระหว่างกันเองก่อน หากตกลงกันไม่ได้ ให้ประมูลระหว่างกันหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินกันตามส่วนดังกล่าว

โจทก์ที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีการตกลงให้จำเลยชำระหนี้สินของนายเชื่อม ปั้นดี ผู้ตายทั้งหมด แล้วยินยอมให้จำเลยแต่ผู้เดียวลงชื่อรับมรดกส่วนของนายเชื่อม ปั้นดี ผู้ตายในโฉนดที่ดิน จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นโดยชอบ กรณีไม่ใช่เป็นเรื่องทายาทและมรดกตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 อันจะต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความดังโจทก์ฎีกาไม่ การสละมรดกตามมาตรานี้ หมายถึงการสละส่วนของตน โดยไม่เจาะจงว่าจะให้แก่ทายาทคนใด

พิพากษายืน

Share