แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยยื่นคำแถลงและวางเงินเพื่อบรรเทาผลร้ายให้แก่โจทก์ร่วมต่อศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การปฏิเสธและขอให้การรับสารภาพ กับแถลงขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษแก่จำเลย การที่จำเลยวางเงินต่อศาลชั้นต้นดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงว่าจำเลยได้พยายามบรรเทาความเสียหายอันเป็นผลที่เกิดจากจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ร่วมเพื่อประกอบดุลพินิจของศาลในการพิจารณาพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษารอการลงโทษให้แก่จำเลย แม้คดีจะถึงที่สุด โจทก์ร่วมก็ยังมีสิทธิขอรับเงินที่จำเลยวางต่อศาลเพื่อชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมได้ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมแสดงเจตนาโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายว่าไม่ประสงค์จะรับเงินค่าเสียหายที่จำเลยวางไว้ดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีสิทธิมาขอรับเงินจำนวนดังกล่าวคืน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 295, 358 ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นางสาวยาดา ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต และจำเลยยื่นคำแถลงขอวางเงินเพื่อบรรเทาผลร้ายให้แก่โจทก์ร่วม จำนวน 5,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวมสำนวน ต่อมาจำเลยขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การปฏิเสธและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 358 การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานทำร้ายร่างกาย จำคุก 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท รวมจำคุก 8 เดือน และปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 เมื่อคดีถึงที่สุด จำเลยยื่นคำร้องขอรับเงินที่วางศาลเพื่อบรรเทาผลร้ายให้แก่โจทก์ร่วม จำนวน 5,000 บาท คืน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลรอการลงโทษเพราะจำเลยวางเงินค่าเสียหายชำระให้แก่โจทก์ร่วม จึงไม่คืนให้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุที่จะสั่งคืนเงินจำนวน 5,000 บาท ที่จำเลยวางไว้ต่อศาลชั้นต้นให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและทำให้เสียทรัพย์ ของโจทก์ร่วม จำเลยให้การปฏิเสธ แต่จำเลยได้ยื่นคำแถลงและวางเงินเพื่อบรรเทาผลร้ายให้แก่โจทก์ร่วม จำนวน 5,000 บาท ต่อศาลชั้นต้น หลังจากนั้นจำเลยได้ขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การปฏิเสธ และขอให้การรับสารภาพกับแถลงขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษแก่จำเลย การที่จำเลยวางเงินจำนวน 5,000 บาท ต่อศาลชั้นต้นดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงว่าจำเลยได้พยายามบรรเทาความเสียหายอันเป็นผลที่เกิดจากจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ร่วมเพื่อให้ศาลใช้ประกอบดุลพินิจในการพิจารณาพิพากษาลงโทษแก่จำเลย เมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงแห่งคดี และพิพากษารอการลงโทษแก่จำเลย แม้คดีจะถึงที่สุดโจทก์ร่วมก็ยังมีสิทธิขอรับเงินที่จำเลยวางต่อศาลเพื่อชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมได้เมื่อข้อเท็จจริงแห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมแสดงเจตนาโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายว่า ไม่ประสงค์จะรับเงินค่าเสียหายที่จำเลยวางไว้ดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีสิทธิมาขอรับเงินจำนวนดังกล่าวคืน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน