คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1720/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายสั่งลงโทษจำเลยผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเพราะจำเลยละทิ้งหน้าที่จำเลยไม่พอใจพูดต่อว่าและท้าทายผู้ตายให้ตั้งกรรมการสอบสวน ผู้ตายตอบว่าตั้งก็ตั้งแล้วหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมา จำเลยไม่พอใจ ชักปืนยิงผู้ตาย ผู้ตายมิได้แสดงกิริยาหรือกระทำการใด ๆ ในลักษณะข่มเหงจำเลย ที่ผู้ตายสั่งลงโทษจำเลยเป็นการกระทำตามหน้าที่โดยชอบ และโทษที่ลงก็เป็นโทษสถานเบาที่สุดแล้ว จำเลยจะอ้างว่ากระทำโดยบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่
เหตุเกิดในเวลาและสถานที่ราชการ มีพยานรู้เป็นในขณะเกิดเหตุแม้จำเลยจะไม่ให้การรับสารภาพ พยานหลักฐานโจทก์ก็มั่นคงพอลงโทษจำเลยได้ตามฟ้อง จำเลยรับสารภาพก็เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน จึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จำเลยกระทำการอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้ง ๆ ที่จำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย และเป็นการกระทำต่อผู้บังคับบัญชาด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงจิตใจเหี้ยมอำมหิตของจำเลยพฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้มีและพาอาวุธปืนสั้นของผู้มีชื่อไปยิงฆ่าพันตำรวจตรีธีระ สารวัตรปกครองป้องกันซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยเพราะเหตุที่ได้สั่งลงโทษกักยามจำเลยฐานละทิ้งหน้าที่อันเป็นการกระทำตามหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙ (๒), ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ที่ได้แก้ไขแล้ว ริบปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง และคืนอาวุธปืนกับซองปืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยสำหรับความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่และจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต คำรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่ลดโทษให้ ริบปลอกกระสุนปืนกับหัวกระสุนปืนของกลาง และคืนอาวุธปืนกับซองปืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ ๑๐ นาฬิกา ผู้ตายนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องทะเบียนยานพาหนะ จำเลยพกอาวุธปืนเข้ามาสอบถามเรื่องที่ผู้ตายสั่งลงโทษกักยามเนื่องจากจำเลยละทิ้งหน้าที่ แล้วจำเลยเดินออกจากห้องไป ต่อมาประมาณ ๑๐ นาที จำเลยกลับเข้ามาพูดต่อว่าผู้ตายว่ามีอคติต่อจำเลยและทำให้ตั้งกรรมการสอบสวนผู้ตายว่าตั้งก็ตั้ง แล้วหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมา จำเลยก็ชักปืนออกจากเอวยิงผู้ตายหลายนัด ผู้ตายถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงถึงแก่ความตาย
จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการบันดาลโทสะและจำเลยให้การรับสารภาพ ควรลดโทษหรือลงโทษสถานเบาให้ เห็นว่าสาเหตุเรื่องนี้ เนื่องมาจากผู้ตายได้สั่งลงโทษจำเลยเพราะจำเลยละทิ้งหน้าที่จำเลยไม่พอใจ ได้พูดต่อว่าและท้าทายผู้ตายให้ตั้งกรรมการสอบสวน ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาหรือกระทำการใด ๆ ในลักษณะข่มเหงจำเลย ที่ผู้ตายสั่งลงโทษจำเลยเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ และโทษที่ลงก็เป็นโทษสถานเบาที่สุดแล้ว แต่จำเลยไม่พอใจกลับใช้ปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ จำเลยอ้างว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่ คดีนี้เหตุเกิดในเวลาและสถานที่ราชการมีพยานรู้เห็นในขณะเกิดเหตุ แม้จำเลยจะไม่ให้การรับสารภาพ พยานหลักฐานโจทก์ก็มั่นคงพอฟังลงโทษจำเลยได้ตามฟ้อง จำเลยรับสารภาพก็เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน คำให้การรับสารภาพของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จำเลยกระทำการอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งๆ ที่จำเลยก็เป็นผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย และเป็นการกระทำต่อผู้บังคับบัญชาด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงจิตใจเหี้ยมอำมหิตของจำเลย พฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุสมควรที่จะลดโทษให้จำเลย
พิพากษายืน.

Share