คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องมีข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีปืนชักปืนออกขู่เข็ญจะทำร้ายบังคับให้เขาส่งเงิน 500,000 บาท แก่จำเลย ถ้าข้อเท็จจริงไม่ปรากฎเป็นอย่างอื่น ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำการชิงทรัพย์แล้วตาม ก.ม. จึงเป็นองค์ความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์แล้ว
การพยายามลักทรัพย์ หรือชิงทรัพย์นั้น แม่จะปรากฎภายหลังว่า ทรัพย์ไม่มีอยู่ ก็หาทำให้ผู้กระทำพ้นความผิดฐานพยายามได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ระหว่างดือนพฤศจิกายน ๒๔๘๙ จำเลยกับพวก ๑ คนมีปืนเป็นศาสตราวุธไปขู่เอาเงินจากนายในสุน แซ่ตัน ๑๐,๐๐๐ บาท นายในสุน แซ่ตันไม่ยอมให้ จำเลยพูดจาข่มขู่ว่า จะใช้อำนาจบังคับและจะเอาไฟเผาโรงงาน ต่อมาวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๘๙ เวลากลางวันจำเลยกับพวกอีก ๑ คน มีปืนเป็นสาตราวุธ เข้ากระทำการบังคับขู่เข็ญโดยชักปืนออกขู่เข็ญจะทำร้ายบังคับให้นายในสุน แซ่ตันส่งเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลย และจำเลยกับพวกได้นำเอาตัวนายในสุน แซ่ตัน ควบคุมไปเพื่อจะเอาไปขังเพื่อทำการบังคับเอาเงิน ทำให้นายในสุน แซ่ตัน ขาดอิสรภาพ ขอให้ลงโทษตามกฏหมายลักษณะ อาญา มาตรา ๒๙๙,๒๖๘,๒๗๐,๖๐.
ศาลอาญาสั่งฟ้องโจทก์ว่า”ไม่ปรากฎว่านายในสุน มีเงินอยู่ในตัว เป็นแต่ขู่จะเอา เขาไม่ให้ วันหลังจะขู่เอา เขาไม่ให้จจับตัวเอาไป เพียรขู่เอาเงินอีก ไม่เป็นชิงทรัพย์ ประทับฟ้องเฉพาะเสื่อมเสียอิสรภาพตามมาตรา ๒๖๘,๒๗๐ ฐานชิงทรัพย์ไม่รับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องมีอยู่แล้วว่า จำเลยมีปืนชักปืนออกขู่เข็ญจะทำร้ายบังคบให้นายในสุนส่งเงิน ๕๐๑,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลย การกระทำดังกล่าว ก้าข้อเท็จจริงไมาปรากฎเป็นอย่างอื่น ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำการชิงทรัพย์แล้วตาม ก.ม. กับการพยายามลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์นั้น แม้จะปรากฎภายหลังว่า ทรัพย์ไม่มีอยู่ ก็หาทำให้ผู้กระทำพ้นความรับผิดฐานพยายามนั้นได้ไม่ ข้อความที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นองค์ความผิดพยายามชิงทรัพย์เพียงพอแล้ว จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกคำสั่งศาลอาญาที่ไม่รับฟ้องโจทก์ฐานชิงทรัพย์เสีย โดยให้ศาลอาญาประทับฟ้องโจทก์ตามข้อหาไว้พิจารณา

Share