คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเป็นใจความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกัน มีข้อตกลงเป็นสัญญาต่อกันว่า จำเลยจะแบ่งผลประโยชน์คือค่าเช่าให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีข้อตกลงหรือสัญญาอย่างใดเลย ดังนี้ ข้อที่ว่า โจทก์จำเลยมีข้อตกลงหรือสัญญาต่อกันหรือไม่ จึงเป็นประเด็นฉะนั้นการที่โจทก์ฎีกาขอแบ่งผลประโยชน์เนื่องจากการเป็นเจ้าของร่วมจึงเป็นนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องบรรยายความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันจำเลยตกลงจะให้ประโยชน์แล้วไม่ให้ โจทก์จึงขอเอาประโยชน์นั้นตลอดจนแบ่งส่วนทรัพย์อันมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย ทั้งในคำขอท้ายฟ้องก็มีคำขอแบ่งส่วน ดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นฟ้องที่บรรยายข้อความเรื่องขอแบ่งส่วนแล้วเป็นฟ้องที่ใช้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วมนาโฉนดที่ 2618 จำเลยรับเป็นผู้จัดการทำผลประโยชน์แบ่งให้โจทก์ เมื่อ พ.ศ. 2490 จำเลยจะต้องแบ่งผลประโยชน์เป็นข้าว 3 เกวียนให้โจทก์ แต่จำเลยมิได้แบ่ง โจทก์จึงฟ้องเรียกข้าว 3 เกวียนหรือราคาข้าวและขอให้เอานาประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง

จำเลยต่อสู้ว่า นาพิพาทเป็นของจำเลยกับนางเกลี้ยงโจทก์เป็นเพียงผู้รับจำนองไว้จากนางเกลี้ยง จำเลยไม่ใช่คู่สัญญากับโจทก์ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งข้าว 2 เกวียนให้โจทก์ คำขอให้เอานามาแบ่งให้ยก

โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องทั้งหมด

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฎีกาว่า นารายนี้โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วม แจ้งอยู่แล้วตามที่มีชื่อในโฉนด และจำเลยก็ไม่เถียงว่านารายนี้ จำเลยไม่ได้ให้เช่า เมื่อเป็นเช่นนี้จำเลยก็ต้องแบ่งผลประโยชน์ให้โจทก์ กล่าวให้ฟังง่ายก็คือว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วมระหว่างโจทก์จำเลย มีข้อตกลงเป็นสัญญาต่อกัน จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่มีข้อตกลงหรือสัญญาต่อกันอย่างใดเลย โจทก์จำเลยมีข้อตกลงหรือสัญญาต่อกันหรือไม่ จึงเป็นประเด็น ประเด็นนี้โจทก์ไม่ฎีกา โจทก์ฎีกาข้อซึ่งไม่ใช่ประเด็น คือขอแบ่งผลประโยชน์เนื่องจากการเป็นเจ้าของร่วม ทั้งนี้นอกฟ้องและนอกประเด็น ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัย

ส่วนที่โจทก์ขอให้เอานาขายเอาเงินแบ่งระหว่างโจทก์จำเลยศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องไม่ได้บรรยายข้อความเรื่องขอแบ่งส่วน มีแต่ในคำขอท้ายฟ้อง จึงยกฟ้องเสียนั้น

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องบรรยายความแล้วว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วม เนื่องจากการเป็นเจ้าของรวมจึงมีการขอแบ่งส่วนการขอแบ่งส่วนก็อยู่ในคำขอ ดังนี้ก็ใช้ได้ อนึ่งโจทก์ฟ้องบรรยายความว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วม จำเลยตกลงจะให้ผลประโยชน์แล้วไม่ให้ โจทก์จึงขอเอาผลประโยชน์นั้นตลอดจนขอส่วนแบ่งทรัพย์อันมีกรรมสิทธิ์รวม จำเลยให้การต่อสู้มีประการต่าง ๆ จึงเป็นคดีที่มีข้อพิพาทและมีประเด็นเบื้องต้นว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของรวมหรือไม่ ประเด็นนี้จำต้องวินิจฉัย มิฉนั้นก็จะไม่สามารถพิพากษาได้ว่าจะให้แบ่งส่วนหรืออย่างไร

จึงพิพากษาแก้ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะส่วนที่ศาลฎีกาไม่เห็นชอบ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ในเรื่องที่โจทก์ว่าเป็นเจ้าของรวม และขอแบ่งส่วน

Share