คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้
ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าว ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า บ้านเลขที่ ๑๔๙ ตามบัญชีทรัพย์ที่ยึดอับดับ ๔ เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าว โจทก์ให้การคัดค้านว่าบ้านเลขที่ ๑๔๙ เป็นของจำเลยที่ ๒ ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง กับยื่อคำร้องว่าขณะจำเลยที่ ๒ นำบ้านเลขที่ ๑๔๙ มาจำนองกับโจทก์ ผู้ร้องก็ทราบและไม่คัดค้าน ทั้งบ้านดังกล่าวก็เป็นส่วนควบของที่ดิน จึงเป็นของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินนั้นด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อประวิงคดี จึงขอให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาลเพื่อประกันความเสียหายที่โจทก์อาจได้รับศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นประกันภายใน ๗ วัน เมื่อครอบกำหนดผู้ร้องไม่วางเงินประกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกจากสารบบความ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน ๕,๐๐๐ บาท ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษาเมื่อผู้ร้องชำระเงินภายในกำหนด ให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฎจากพยานหลักฐานในคดีนี้ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒๙, ๖๓๐ ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๒๖ จำเลยที่ ๒ ได้จำนองที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินนั้นต่อโจทก์ เมื่อปรากฎจากบันทึกการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า บ้านเลขที่ ๑๔๙ ตั้งอยู่บนที่ดินของจำเลยที่ ๒ ซึ่งจำนองต่อโจทก์ดังกล่าวโดยจำเลยที่ ๒ ยอมรับในบันทึกการยึดทรัพย์ว่าเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า บ้านเลขที่ ๑๔๙ เป็นของจำเลยที่ ๒ จึงมีเหตุผล ส่วนคำร้องของผู้ร้องที่อ้างว่าบ้านดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง โดยผู้ร้องเป็นผู้ปลูกสร้างนั้น คงมีแต่สำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ ๑๔๙ ที่แสดงว่าผู้ร้องอยู่ในบ้านดังกล่าวในฐานะภรรยาของหัวหน้าบ้านเลขที่ ๑๔๙ เท่านั้น ซึ่งผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะเป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่ พยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า กรณีเช่นนี้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาล เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ (๑) ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน โดยให้ผู้ร้องวางเงินประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายในกำหนด ๑๐ วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษานี้ เมื่อผู้ร้องชำระเงินภายในกำหนด ให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share