คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์ และเรียกค่าเสียหายโดยกล่าวในคำฟ้องว่า หากจำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์แล้ว โอนขายให้กับ ส. ได้ตามสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ ส. โจทก์จะได้รับชำระราคาที่ดินที่ยังค้างชำระจาก ส. ซึ่งเงินจำนวนนี้โจทก์ย่อมนำไปทำธุรกิจหาผลประโยชน์ต่อไปได้ อย่างน้อยที่สุดนำไปฝากธนาคารก็จะได้ดอกเบี้ย ร้อยละ 8 ต่อปี ดังนี้ ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุ การที่จำเลยไม่ยอมออกจากตึกแถวหรือออกจากตึกแถวล่าช้า ค่าเสียหายควรเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถวจากโจทก์ สัญญาครบกำหนดแล้ว โจทก์ตกลงขายที่ดินและตึกแถวให้แก่ ส. ในราคา ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท ส. จะชำระราคาทั้งหมดในวันจดทะเบียนซื้อขาย แต่โจทก์ต้องจัดการให้จำเลยออกไปจากที่ดินและตึกแถว เสียก่อน โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย ให้จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวภายในกำหนด จำเลยทราบแล้ว ถึงกำหนดจำเลยไม่ยอมออก ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขาดประโยชน์จากการที่โจทก์จะนำเงินค่าที่ดินและตึกแถวที่จะได้รับชำระจาก ส.ไปทำธุรกิจหาผลประโยชน์ต่อไป อย่างน้อยที่สุดนำไปฝากธนาคารประเภทฝากประจำก็จะได้ดอกเบี้ยร้อยละ ๘ ต่อปี คิดเป็นเงินเดือนละ ๒๕,๓๓๓ บาท จึงขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย สัญญาเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน ที่โจทก์อ้างว่า ขายที่ดินและตึกแถวให้ ส. ไม่เป็นความจริง โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่า โจทก์เรียกค่าเสียหาย ได้ไม่เกินเดือนละ ๘๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและตึกแถวของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะค่าเสียหายเป็นว่า ให้จำเลยใช้แก่โจทก์เดือนละ ๒๒,๓๒๐ บาท
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายหลายข้อ และฎีกาเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหายว่า ค่าเสียหายที่โจทก์ควรจะได้ต้องเป็นค่าเสียหายที่แท้จริงอย่างมากก็เท่ากับค่าเช่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเท่ากับดอกเบี้ยที่คิดคำนวณจากเงินค่าที่ดิน และตึกแถวซึ่งโจทก์จะได้รับจาก ส.
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อนี้ โจทก์กล่าวในคำฟ้องว่า หากจำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์แล้ว โอนขายให้กับ ส. ได้ตามสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ ส. โจทก์จะได้รับชำระราคาที่ดินที่ยังค้างชำระจาก ส. ซึ่งเงินจำนวนนี้โจทก์ย่อมนำไปทำธุรกิจหาผลประโยชน์ต่อไปได้ อย่างน้อยที่สุดนำไปฝากธนาคารก็จะได้ดอกเบี้ย ร้อยละ ๘ ต่อปี คิดเป็นเงินเดือนละ ๒๕,๓๓๓ บาท จะเห็นว่า ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุ การที่จำเลยไม่ยอมออกจากตึกแถวหรือออกจากตึกแถวล่าช้า ค่าเสียหายควรเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่า คดีนี้จำเลยเบิกความรับว่าชำระค่าเช่าให้โจทก์เดือนละ ๗,๐๐๐ บาท ค่าเสียหายที่โจทก์ควรจะได้รับก็คือเดือนละ ๗,๐๐๐ บาท

Share