คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ทำไว้ ก่อนสืบพยาน โจทก์กับจำเลยที่ 1ตกลงท้าพิสูจน์ลายมือของจำเลยที่ 2 ในเอกสารที่ตกลงกันโดยจำเลยที่ 2 มิได้ตกลงตามคำท้าด้วย หากผลปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายแพ้ตามคำท้า ข้อตกลงท้ากันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 คงมีผลบังคับเฉพาะในระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น หามีผลบังคับถึงจำเลยที่ 2 ด้วยไม่เพราะกระบวนพิจารณาที่จำเลยที่ 1กระทำไปเป็นที่เสื่อมเสียแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นคู่ความร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59(1) โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ตามที่โจทก์กล่าวอ้างดังนั้น คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงต้องมีการสืบพยานกันต่อไป

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 กู้เงินโจทก์ไปโดยเอาที่ดินและบ้านมาค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้ขายที่ดินและบ้านดังกล่าวให้กับจำเลยที่ 1โดยจำเลยทั้งสองทราบอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 2 เป็นหนี้โจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่จำเลยทั้งสองทำไว้

จำเลยที่ 1 ให้การว่า สัญญากู้เป็นสัญญาที่โจทก์ปลอมขึ้น จำเลยที่ 1ซื้อเรือนและที่ดินจากจำเลยที่ 2 โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ

สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ได้ขายห้องแถวให้โจทก์ในราคา12,000 บาท ต่อมาจำเลยได้ขายห้องแถวดังกล่าวให้กับจำเลยที่ 1 พร้อมทั้งที่ดินโดยจำเลยทั้งสองทราบว่าจำเลยที่ 2 ได้ขายให้โจทก์แล้ว ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่จำเลยทั้งสองทำไว้ ให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบเรือนพิพาทให้แก่โจทก์หากส่งมอบไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาเรือน 13,000 บาทให้โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า สัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2เป็นสัญญาปลอม จำเลยที่ 1 ซื้อเรือนและที่ดินพิพาทโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ

ก่อนสืบพยาน โจทก์กับจำเลยที่ 1 ทั้งสองสำนวนท้าพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในเอกสารที่ตกลงกัน หากผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่ามีส่วนคล้ายคลึงหรือเหมือนกัน จำเลยที่ 1 ยอมแพ้ หากผลตรงกันข้ามโจทก์ยอมแพ้ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าลายมือชื่อจำเลยที่ 2ในเอกสารที่ตรวจพิสูจน์มีส่วนคล้ายคลึงกับเอกสารที่เปรียบเทียบ จำเลยแพ้ตามคำท้าพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยทั้งสองทำไว้ ให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบเรือนพิพาทให้แก่โจทก์คดีสำนวนที่สองหากไม่สามารถส่งมอบได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ราคา 13,000 บาท

จำเลยที่ 1 ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ทั้งสองสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 มิได้ตกลงกับโจทก์ตามคำท้าด้วยหากปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายแพ้ตามคำท้า ข้อตกลงท้ากันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 คงมีผลบังคับเฉพาะในระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้นหามีผลบังคับถึงจำเลยที่ 2 ด้วยไม่ เพราะกระบวนพิจารณาที่จำเลยที่ 1กระทำไปเป็นที่เสื่อมเสียแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นคู่ความร่วม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59(1) โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง ดังนั้น คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงต้องมีการสืบพยานกันต่อไป

พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share