แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยมีครรภ์กับผู้เสียหาย แล้วไปต่อว่าผู้เสียหายเรื่องที่ไม่ไปสู่ขอเลี้ยงดูเป็นภรรยาผู้เสียหายพูดโต้ตอบว่า ‘มึงยอมให้กูเล่นมึงทำไม’ดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำที่ข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะเกียรติยศชื่อเสียงอนาคตของลูกผู้หญิงเช่นจำเลย มิใช่เป็นอันขาดลงด้วยการปฏิเสธเฉยๆ ของผู้เสียหายเท่านั้น แต่ผู้เสียหายได้กล่าวถ้อยคำเย้ยหยันทับถมหาว่าจำเลยเป็นคนใจง่ายเข้าด้วย อันเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างไร้ศีลธรรม กรณีต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ที่ศาลจะลงโทษจำเลยให้น้อยลงกว่าอัตราที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ ในเมื่อจำเลยได้กระทำลงไปทันใดเพราะการบันดาลโทสะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ไม่บรรลุผล โดยไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ตายสมดังเจตนาของจำเลย แต่ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บทุกขเวทนาประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๔), ๘๐และริบของกลาง
เดิมจำเลยปฏิเสธ ต่อมาได้รับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องเพราะจำเลยเรียกให้ผู้เสียหายหยุดเพื่อจะพูดจากันเรื่องที่จำเลยตั้งครรภ์ ผู้เสียหายว่า “มึงอยากยอมให้กูทำทำไม” แล้วก็เดินหนีไปด้วยความโกรธในทันทีจึงได้ทำผิดลงไป ถ้าหากผู้เสียหายพูดกับจำเลยแต่โดยดี จำเลยก็จะไม่ยิงผู้เสียหาย
โจทก์สืบพยานประกอบคำรับสารภาพของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า กรณีฟังไม่ได้ถนัดว่าจำเลยได้ไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเรื่องที่จำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรม จำเลยจึงได้กระทำผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒จำคุก ๒ ปี ลดฐานรับสารภาพตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยจะเรียกว่าจำเลยบันดาลโทสะโดยถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่ได้และรูปคดีก็ยังไม่เข้าถึงขั้นไตร่ตรองตามมาตรา ๒๘๙ ดังฟ้อง คงเป็นเรื่องฆ่าคนโดยเจตนาธรรมดาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ลงโทษจำคุกมีกำหนด ๑๐ ปี จำเลยเป็นหญิง กระทำผิดแล้วรับสารภาพโดยดี ปราณีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกไว้ ๕ ปี นอกจากที่แก้นี้แล้วคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยมีครรภ์กับผู้เสียหาย แล้วไปต่อว่าผู้เสียหายเรื่องที่ไม่ไปสู่ขอเลี้ยงดูเป็นภรรยา ผู้เสียหายพูดโต้ตอบว่า “มึงยอมให้กูเล่นมึงทำไม” ดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำที่ข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะเกียรติยศชื่อเสียงอนาคตของลูกผู้หญิงเช่นจำเลยมิใช่เป็นอันขาดลงด้วยการปฏิเสธเฉย ๆ ของผู้เสียหายเท่านั้น แต่ผู้เสียหายได้กล่าวถ้อยคำเย้ยหยันทับถมหาว่าจำเลยเป็นคนใจง่ายเข้าด้วย อันเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างไร้ศีลธรรม กรณีต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒ ที่ศาลจะลงโทษจำเลยให้น้อยลงกว่าอัตราที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ ในเมื่อจำเลยได้กระทำลงไปทันใดเพราะการบันดาลโทสะ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น