คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้ตายเกิดมีปากเสียงกัน สาเหตุมาจากผู้ตายสาดสุรารดขาจำเลยเพราะไม่พอใจจำเลยที่ไม่ยอมดื่มสุราที่ผู้ตายรินและคะยั้นคะยอให้ดื่ม จำเลยออกจากวงสุราเข้าไปในหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างประมาณ 2 กิโลเมตร ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงหวนมาผลักอกและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย กรณีมิใช่จำเลยยิงผู้ตายเพราะเกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าขณะถูกผู้ตายกระทำการเหยียดหยาม หากแต่เป็นกรณีที่เกิดโทสะและออกจากที่เกิดเหตุแล้ว จำเลยจึงเกิดความคิดไปเอาอาวุธปืนเพื่อมายิงทำร้ายผู้ตายในภายหลัง เชื่อว่าขณะเดินทางไปกลับระหว่างที่เกิดเหตุกับหมู่บ้านเป็นเวลาประมาณ1 ชั่วโมง ระยะทางไม่ต่ำกว่า 4 กิโลเมตร จำเลยต้องคิดไตร่ตรองตัดสินใจอย่างหนักในการตกลงใจกระทำความผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 288,289 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การรับสารภาพว่า จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง ได้พกพาอาวุธปืนและใช้ยิงผู้ตายจริงตามฟ้องแต่ต่อสู้ว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะ และมิได้ไตร่ตรองไว้ก่อน
ระหว่างพิจารณา นายชาย ทาหาญ บิดาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จำคุก 2 ปี ฐานพกพาอาวุธปืนจำคุก 4 เดือน ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 15 ปี ความผิดสองกระทงแรกจำเลยให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุม มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกความผิดสองกระทงนี้รวม 1 ปี 2 เดือน ส่วนความผิดกระทงที่สามคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกความผิดกระทงนี้ 10 ปีรวมจำคุกทั้งสิ้น 11 ปี 2 เดือน
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ลงโทษประหารชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52(1)แล้วเหลือจำคุกตลอดชีวิต และรวมโทษความผิดทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกไว้ตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงรับฟังได้ว่า เช้าวันเกิดเหตุมีการลงแรงนวดข้าวให้นายบัว โทชัยภูมิ ที่นาห่างหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร จำเลยผู้ตายกับชาวบ้านไปช่วยกันหลายคน นวดเสร็จนายบัวเลี้ยงอาหารกลางวันและสุรา ครั้นถึงเวลาประมาณ 14 นาฬิกา จำเลยกับผู้ตายเกิดมีปากเสียงกัน สาเหตุมาจากผู้ตายสาดสุรารดขาจำเลย เพราะไม่พอใจจำเลยที่ไม่ยอมดื่มสุราที่ผู้ตายรินและคะยั้นคะยอให้ดื่ม จำเลยออกจากนานายบัวเข้าไปในหมู่บ้าน ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงหวนมาผลักอกและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ปัญหาวินิจฉัยว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ จำเลยฎีกาความว่า จำเลยโกรธแค้นผู้ตายอยู่ตลอดเวลานับแต่ถูกสาดสุราและผู้ตายพูดจาเสียดสี จำเลยยิงผู้ตายโดยไม่ทันได้คิดใคร่ครวญและไม่มีการวางแผนจึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วข้างต้น กรณีมิใช่จำเลยยิงผู้ตายเพราะเกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าขณะถูกผู้ตายกระทำการเหยียดหยามหากแต่เป็นกรณีที่เกิดโทสะและออกจากนาที่เกิดเหตุแล้ว จำเลยจึงเกิดความคิดไปเอาอาวุธปืนเพื่อมายิงทำร้ายผู้ตายในภายหลังเชื่อว่าขณะเดินไปกลับระหว่างนาที่เกิดเหตุกับหมู่บ้านเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ระยะทางไม่ต่ำกว่า 4 กิโลเมตร จำเลยต้องคิดไตร่ตรองตัดสินใจอย่างหนักในการตกลงใจกระทำความผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share