แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ซื้อทรัพย์พิพาทจากจำเลยยอมให้โจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้ซื้อยังค้างชำระแก่จำเลยแทนผู้ซื้อดังนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องการซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลย เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อ(โดยตรง) จึงไม่มีมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย(ผู้ขาย) อันจะเป็นเหตุให้โจทก์เรียกให้ใช้เงิน(ที่ชำระแทนผู้ซื้อ)
เมื่อฟ้องตั้งรูปคดีว่าเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างโจทก์จำเลย และมิได้โต้แย้งว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่มาจากบุคคลอื่น แต่ในชั้นฎีกาคัดค้านขึ้นมาว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เป็นการนอกประเด็น เพราะมิได้กล่าวไว้ในฟ้อง และมิได้เป็นข้อโต้แย้งมาแต่ต้น ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ในนามของจำเลยที่ 1 เสนอขายรถยนต์ใช้แล้ว 2 คัน ช้าง 2 เชือก ราคา 56,365.70 บาท โจทก์สนองรับและจ่ายเงินให้จำเลยในนามของจำเลยที่ 1 แล้ว ตกลงจะส่งมอบและโอนทำที่ซื้อขายกันภายใน 7 วันนับแต่วันรับเงิน จำเลยผิดนัดไม่มอบและทำการโอนทรัพย์ โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยร่วมกันรับผิดใช้เงินแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการไม่เคยเสนอขายต่อโจทก์แทนจำเลยที่ 1 ๆ ก็ไม่เคยมีข้อตกลงขายกับโจทก์ จำเลยขายทรัพย์ตามฟ้องให้นายหลี ๆ รับทรัพย์ไปแล้วขายไม้ซุงหักใช้หนี้ 56,796.30 บาท ค้างอีก 56,365.70 บาท นายหลียอมให้โจทก์ชำระหนี้ที่ยังค้างนี้ เท่านั้น
จำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการ (บริษัท)ได้ขายทรัพย์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการออกใบรับเงินให้ในนามจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิด เพราะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ 1 ขายทรัพย์ให้นายหลี กรรมสิทธิ์ตกแก่นายหลีด้วยการส่งมอบ โจทก์ไม่ใช่เป็นผู้ซื้อเป็นแต่ผู้ชำระเงิน(ที่นายหลียังค้างชำระ) แทนนายหลี ไม่มีมูลหนี้ตามสัญญา (ซื้อขาย)ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความมุ่งหมายของเอกสารหมาย จ.1 (สัญญา)มีเพียงว่าให้โจทก์ชำระหนี้ของนายหลีที่ค้างชำระแล้วนายหลียอมให้จำเลยที่ 1 โอนทรัพย์ใส่ชื่อโจทก์เพื่อหลักประกัน โจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อทรัพย์ (จากจำเลยที่ 1 โดยตรง) พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า
1. จำเลยที่ 1 ขายทรัพย์ให้นายหลี ๆ ผิดสัญญากับจำเลยที่ 1โดยไม่สามารถชำระหนี้ที่ค้าง จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาขายทรัพย์ให้แก่โจทก์โดยนายหลีให้ความยินยอม เข้าลักษณะแปลงหนี้ใหม่ไม่ใช่เป็นการชำระหนี้แทน เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบ (ทรัพย์) ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์
2. กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ยังอยู่แก่จำเลยที่ 1 โดยยังไม่มีการโอนช้างตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯ ส่วนรถยนต์จำเลยที่ 1เรียกคืนจากนายหลีแล้วกลับฝากนายหลี นายหลีไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาท
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องนายหลียอมให้โจทก์ชำระหนี้ที่ค้างแทนนายหลี โจทก์ (ฟ้อง) ตั้งรูปคดีชัดว่าเป็นการซื้อขาย คือกล่าวว่าจำเลยเป็นผู้เสนอ โจทก์เป็นผู้สนองรับ ที่โจทก์ฎีกาว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้นนอกประเด็น เพราะมิได้กล่าวในฟ้องเลย และมิได้เป็นข้อโต้แย้งมาแต่ต้น รับวินิจฉัยให้ไม่ได้ สัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 และนายหลีไม่เกี่ยวกับโจทก์ หากจะเกี่ยวก็แต่เฉพาะในเรื่องหลักประกัน (เพื่อมิให้โจทก์ต้องสูญเงิน) ซึ่งไม่ใช่ประเด็นในคดีนี้ พิพากษายืน