คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีกรณีร้องขัดทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคสอง (1) ประกอบด้วยมาตรา 132 (2) มิใช่เป็นการไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 151 ที่ศาลต้องมีคำสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแต่เป็นกรณีตามมาตรา 132 วรรคหนึ่ง ซึ่งให้ศาลกำหนดเงื่อนไขเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควร มิใช่บังคับให้ศาลต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาล การที่ศาลไม่สั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นให้แก่ผู้ร้องขัดทรัพย์จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยชำระเงิน 15,000,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2526 ถึงวันฟ้อง ต่อมาโจทก์นำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 187525 เลขที่ดิน 2087 และโฉนดเลขที่ 187527 เลขที่ดิน 2089 แขวงประเวศ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เพื่อบังคับชำระหนี้โดยอ้างว่าเป็นของจำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินทั้งสองโฉนดดังกล่าวเป็นของผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยที่ดินทั้งสองแปลงที่โจทก์นำยึด
ระหว่างนัดไต่สวนคำร้องขอ โจทก์ยื่นคำร้องว่า คำร้องขอของผู้ร้องไม่มีเหตุผล พยานหลักฐานและข้ออ้างของผู้ร้องเบื้องต้นไม่มีมูล เป็นการประวิงคดีให้ชักช้า ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องจากเหตุที่เนิ่นช้า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินหรือหาหลักประกันมาวางต่อศาลเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน 5,000,000 บาท ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าผู้ร้องไม่ได้นำเงินหรือหลักทรัพย์มาวางต่อศาลภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาของผู้ร้อง คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้ผู้ร้องทั้งหมด ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ
ผู้ร้องยื่นคำแถลงฉบับลงวันที่ 30 สิงหาคม 2543 ขอรับเงินค่าขึ้นศาลคืนจำนวน 200,000 บาท ซึ่งได้วางศาลไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2540 ในศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความโดยไม่ได้สั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลแก่ผู้ร้องเท่ากับให้เป็นพับ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมศาลคืนให้ยกคำแถลง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิได้รับเงินค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นคืนหรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเท่ากับศาลชั้นต้นไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 จึงต้องคืนเงินค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่ผู้ร้อง เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีกรณีร้องขัดทรัพย์เพราะเหตุที่ผู้ร้องไม่นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) ประกอบด้วยมาตรา 132 (2) โดยเฉพาะ มิใช่เป็นการไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ไว้เสียทีเดียว ไม่เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้องหรือถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 วรรคหนึ่ง, วรรคสอง กฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องมีคำสั่งเรื่องค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่เสียไว้ในเวลายื่นคำฟ้อง แตกต่างจากกรณีจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 วรรคหนึ่ง ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลกำหนดเงื่อนไขในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควร มิใช่เป็นการบังคับให้ศาลต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาล การที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นให้แก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share