คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1705/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดโจทก์อุทธรณ์ และขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่พิพาทในระหว่างอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวของโจทก์ระหว่างอุทธรณ์จึงเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260(1) ฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ที่ขอให้ยกเลิกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำเลยให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ที่ให้ราคาสูงสุด โจทก์ยื่นคำร้องว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายต่ำกว่าราคาที่ทางราชการและเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมิน ขอให้เพิกถอนการขายและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์ และขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่พิพาทในระหว่างอุทธรณ์
ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าคดีที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นเรื่องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษายืน คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในเรื่องการคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวของโจทก์ระหว่างอุทธรณ์ อันเป็นวิธีการชั่วคราวที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณา จึงเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา260(1) ฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป
พิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์.

Share