คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในการเช่าซื้อช่วงรถยนต์ของกลางระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัด อ.กับห้างหุ้นส่วนจำกัด น. มิได้ผ่านผู้ร้อง เป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนทั้งสองโดยเฉพาะและการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ผู้เช่าซื้อช่วงได้ให้จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปบรรทุกทราย ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นหรือยินยอมให้นำไปใช้แต่อย่างใดประกอบกับทั้งโจทก์เองก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยตามที่คัดค้านไว้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน2515 ข้อ 56, 83 และริบรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-3773หนองคายของกลาง ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาทโทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 1 ปี ริบของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางที่ศาลชั้นต้นสั่งริบ มิได้มีส่วนรู้เห็นหรือยินยอมให้จำเลย หรือบุคคลอื่นนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดแต่ประการใดขอให้คืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางโดยได้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดร ช.ทวีเช่าซื้อไปเมื่อวันที่13 กรกฎาคม 2531 ในราคา 1,026,060 บาท ผู้ร้องได้ทำหนังสือยินยอมให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดร ช.ทวี มีสิทธินำรถยนต์ของกลางไปให้ผู้อื่นเช่าซื้อช่วงได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2531ห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดร ช.ทวี ได้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดหนองคายชมภูจันทร์ก่อสร้างเช่าซื้อช่วงไปในราคา 1,060,000 บาทโดยชำระเงินในวันทำสัญญาจำนวน 100,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระเป็นงวด งวดละ 20,000 บาท รวม 48 งวด ครั้นถึงกำหนดชำระเงินงวดที่ 16 ห้างหุ้นส่วนจำกัดหนองคายชมภูจันทร์ก่อสร้าง ผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อตามสัญญา ห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดร ช.ทวีจึงได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อกับห้างหุ้นส่วนจำกัดหนองคายชมภูจันทร์ก่อสร้าง เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2533 และให้ส่งรถยนต์ของกลางคืนแต่ห้างหุ้นส่วนจำกัดหนองคายชมภูจันทร์ก่อสร้างไม่ส่งคืน ผู้ร้องและห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดร ช.ทวี ได้ติดตามยึดรถยนต์ของกลางคืนแต่ยังไม่พบจนในที่สุดทราบว่าถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้เป็นของกลางและศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ริบไป ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจให้จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้กระทำผิดหรือไม่ เห็นว่าในการเช่าซื้อช่วงรถยนต์ของกลาง ระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดร ช.ทวี กับห้างหุ้นส่วนจำกัดหนองคายชมภูจันทร์ก่อสร้าง มิได้ผ่านผู้ร้องเป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดร ช.ทวี กับห้างหุ้นส่วนจำกัดหนองคายชมภูจันทร์ก่อสร้างโดยเฉพาะ และการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดหนองคายชมภูจันทร์ก่อสร้างผู้เช่าซื้อช่วงได้ให้จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้บรรทุกทราบก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นหรือยินยอมให้นำไปใช้แต่อย่างใด ประกอบทั้งโจทก์เองก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยตามที่ได้คัดค้านไว้ ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย จึงต้องคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องไป ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้คืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง

Share