คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 2 งานเมื่อเดือน 3 ปี 2516 จำเลยขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ 1 งาน ราคา 2,000 บาท กำหนดชำระราคาเมื่อจำเลยปลูกเรือน ลงในที่ดิน แล้วเสร็จแต่เมื่อจำเลยปลูกเรือนและครัวไฟเสร็จกลับ ไม่ชำระราคา ให้โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจาก ที่ดินโจทก์กับให้ใช้ ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลย ปลูกบ้านเป็นที่ดินรัศมีเขา จำเลยไม่เคยขอแบ่งซื้อที่ดินของ โจทก์ จำเลยปลูกบ้านเมื่อ ต้นปี 2514 คดีโจทก์ขาดอายุความ ดังนี้ ตามฟ้องและคำให้การ คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาท เป็นของโจทก์จำเลยปลูกเรือน โดยอาศัยสิทธิโจทก์หรือไม่โจทก์ มีสิทธิฟ้องเรียกการครอบครองคืน จากจำเลยหรือไม่และ ค่าเสียหายของโจทก์ตามประเด็นดังกล่าว จำเป็นต้องฟัง ข้อเท็จจริงจากการสืบพยานของคู่ความเสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 2 งานซื้อมาเมื่อปี พ.ศ. 2510 เมื่อเดือน 3 ปี 2516 จำเลยขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ 1 งาน ราคา 2,000 บาท กำหนดชำระราคาเมื่อจำเลยปลูกเรือนลงในที่ดินเสร็จ แต่เมื่อจำเลยปลูกเรือนและครัวไฟเสร็จ จำเลยไม่ชำระราคาที่ดินให้โจทก์ โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยไม่ชำระ ถือว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ไม่ขายที่ดินส่วนนี้ให้จำเลย โจทก์เสียหายเพราะจำเลยไม่ออกไปจากที่ดินขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเรือนและครัวไฟออกไปจากที่ดินโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือน ๆ ละ 30 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนบ้านเรือนออกไปเสร็จ

จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านเป็นที่ดินรัศมีเขา ไม่ใช่ที่ดินของโจทก์จำเลยไม่เคยขอแบ่งซื้อที่ดินของโจทก์หรืออาศัยสิทธิโจทก์เข้าปลูกบ้าน จำเลยปลูกบ้านเมื่อต้นปี 2514 โจทก์ฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนเกินกว่าหนึ่งปี คดีโจทก์ขาดอายุความ

วันนัดพร้อมโจทก์รับว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินโจทก์ครอบครองมาก่อนตกลงขายให้จำเลย การซื้อขายที่พิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงชื่อจำเลยเป็นสำคัญและมิได้มีการวางเงินมัดจำ ก่อนฟ้องโจทก์ไม่ได้บอกเลิกสัญญาหรือบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไป เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าที่ดินโดยผัดผ่อนเรื่อยมา โจทก์ถือว่าได้บอกเลิกสัญญาซื้อขายโดยปริยาย ศาลชั้นต้นเห็นว่ามีปัญหาข้อกฎหมายที่จะวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นซึ่งจะทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องมีคำสั่งให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้ววินิจฉัยว่าหากข้อเท็จจริงเป็นดังคำฟ้องจำเลยย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายที่พิพาท และหากโจทก์ประสงค์จะเลิกสัญญาโจทก์ต้องแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญากับจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386, 387 การที่จำเลยไม่ชำระค่าที่พิพาทจะถือว่าโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยโดยปริยายไม่ได้ สัญญาซื้อขายที่พิพาทยังไม่ระงับ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และจะเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาไม่ได้ เพราะการซื้อขายที่พิพาทมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นแห่งคดีแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามฟ้องและคำให้การ คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยปลูกเรือนโดยอาศัยสิทธิโจทก์หรือไม่ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกการครอบครองคืนจากจำเลยหรือไม่ และค่าเสียหายของโจทก์ซึ่งจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงจากการสืบพยานของคู่ความ

พิพากษายืน

Share