คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทที่ ๆ ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิกกันแล้วนั้นยังพึงถือว่าคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีผู้ชำระบัญชีบริษัทมีอำนาจดำเนิรกิจการของบริษัทตามความจำเป็นได้ ตลอดจนการแก้ต่างว่าต่างในนามของบริษัทในทางอรรถคดีทั้งแพ่งแลอาชญาด้วย ผู้ชำระบัญชีบริษัทที่เลิกกันแล้วมีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระจากผู้ถือหุ้นได้ แลไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ถือหุ้นนั้นทราบว่าเหตุใดจึงเรียกให้ชำระเงินค่าหุ้นที่ค้างนั้น พะยาน เมื่อหลักฐานที่อ้างเป็นพะยานโดยชอบแล้ว ปัญหาที่ศาลจะเชื่อพะยานฝ่ายใดเป็นข้อที่ศาลวินิจฉัยชั่งน้ำหนักจากคำพะยานเหล่านั้น

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทจีนโนสยามพาณิชย์ ๕๐ หุ้นยังค้างชำระค่าหุ้นอยู่อีกหุ้นละ ๕๐ บาท ต่อมาบริษัทได้ประชุมใหญ่ตกลงให้เลิกบริษัท ตั้งให้โจทก์เป็นผู้ชำระบัญชี โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระจากจำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะบริษัทได้เลิกแล้ว แลโจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องให้จำเลยทราบว่ามีเหตุจำเป็นอย่างใดจึงต้องเรียกค่าหุ้นที่ค้างชำระ
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ เพราะตามมาตรา ๑๒๔๙ แม้บริษัทจะเลิกกันแล้วก็พึงถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี โจทก์เป็นผู้ชำนาญบัญชีอำนาจดำเนิรกิจการของบริษัทตามแต่จำเป็นได้ตลอดจนการแก้ต่างว่าต่างในนามของบริษัทในอรรถคดีทั้งทางแพ่งแลอาชญาตาม ม.๑๒๕๙ แลไม่จำเป็นต้องแจ้งให้จำเลยผู้ค้างชำระค่าหุ้นทราบว่าเหตุใดผู้ชำระบัญชีจึงได้เรียกให้ชำระเงินค่าหุ้นที่ค้างนั้น ข้อที่จำเลยเถียงว่าพะยานจำเลยดีกว่าพะยานโจทก์นั้น เห็นว่าสมุดบัญชีของบริษัทหาย โจทก์ย่อมอ้างทะเบียนที่อยู่กับหอทะเบียนได้ เมื่อพะยานหลักฐานโจทก์เป็นพะยานหลักฐานโดยชอบแล้วปัญหาที่ว่าศาลจะเชื่อพะยานโจทก์หรือจำเลยเป็นข้อที่ศาลจะเชื่อพะยานโจทก์หรือจำเลยเป็นข้อที่ศาลจะวินิจฉัยชั่งน้ำหนักคำพะยานว่าฝ่ายไหนจะดีกว่ากัน ข้อเถียงของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงให้จำเลยใช้เงินค่าหุ้นที่ค้างชำระนั้น

Share