คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสืออกโฆษณาจริง แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสารแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือออกโฆษณาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูหมิ่นศาลและผู้พิพากษา กับละเมิดอำนาจศาล ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖,๑๙๘,๘๓
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลแขวงพระนครเหนือฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือจริงแต่ข้อความไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือดูหมิ่นศาลหรือละเมิดอำนาจศาล ส่วนจำเลยที่ ๓ ฟังไม่ได้ว่าได้มีส่วนร่วมกระทำตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ อุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาท ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลแขวงพระนครเหนือเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยแม้จะมีความตำหนิการวินิจฉัยของศาลแต่มิได้คัดค้านในการที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ไม่มีลักษณะเป็นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นตามมาตรา ๑๙๓ จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยที่ ๑ที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่งศาลแขวงพระนครเหนือที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเสีย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาขอให้รับอุทธรณ์จำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ อุทธรณ์ว่า ไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หมิ่นประมาทตามฟ้องนั้น เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๒๒ ส่วนข้อที่อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ก็ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย พิพากษายืน

Share