คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลพิพากษาเรียงกระทงลงโทษและความผิดแต่ละกระทงที่ลงโทษเข้าเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษได้ ย่อมเพิ่มโทษได้ทุกกระทงความผิดที่ลงโทษนั้น
โจทก์ขอให้เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93เมื่อไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษตามมาตรา 93 แต่เข้าเกณฑ์เพิ่มโทษตามมาตรา 92 ได้ ศาลย่อมเพิ่มโทษตามมาตรา 92 ซึ่งเป็นบทที่เบากว่าให้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2512 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1 มีมีดเป็นอาวุธ จำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองไม่รับอนุญาต จำเลยทั้งสองได้พกพาอาวุธดังกล่าวไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธดังกล่าวทำการชิงทรัพย์ ก่อนคดีนี้จำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก 3 ปี 4 เดือน ฐานชิงทรัพย์ พ้นโทษแล้วมากระทำความผิดคดีนี้ซ้ำในอนุมาตราเดียวกันภายใน 3 ปี จึงขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 83, 371, 93 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ริบของกลาง

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ

จำเลยที่ 2 ปฏิเสธ ข้อต้องโทษและพ้นโทษรับตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 กระทงหนึ่ง ตามมาตรา 371 อีกกระทงหนึ่งลงโทษตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 จำคุก 4 ปี รับสารภาพปรานีลดโทษตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุก 2 ปี

จำเลยที่ 2 ผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ประกอบด้วยมาตรา 86 กระทงหนึ่ง จำคุก 2 ปี 8 เดือน และผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2510 มาตรา 3 และพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่ง ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 วางโทษจำคุก 6 เดือน รวมเป็นโทษจำคุกจำเลยที่สอง 3 ปี 2 เดือน เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 4 ปี 9 เดือน ลดโทษตามมาตรา 78 ให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 3 ปี 2 เดือน ข้อหาอื่นยก มีดของกลางริบ

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ลงโทษเบาและรอการลงโทษ

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิจารณาเห็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามบทกฎหมายและกระทงความผิดดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย แต่ที่ศาลชั้นต้นเอาโทษ 2 กระทงมารวมกันแล้วเพิ่มโทษตามมาตรา 93 ไม่ถูกต้องเพราะความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ไม่ใช่โทษตามที่จำแนกไว้ในอนุมาตราต่าง ๆในมาตรา 93 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336, 86 กระทงหนึ่งจำคุก 2 ปี 8 เดือนและผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2510 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน เพิ่มโทษจำเลยในความผิด มาตรา 336, 86 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 4 ปี รวม 2 กระทงเป็นโทษจำคุก 4 ปี 6 เดือน ปรานีลดโทษตามมาตรา 78 ประมวลกฎหมายอาญาให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2สามปี นอกจากที่แก้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 92 ในความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตด้วย

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลได้พิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 2 มาในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดที่จำเลยที่ 1 กระทำการวิ่งราวทรัพย์กระทงหนึ่ง ฐานผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2510 มาตรา 3 อีกกระทงหนึ่งความผิดของจำเลยที่ 2 แต่ละกระทงเมื่อเข้าหลักเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษได้แล้วย่อมเพิ่มโทษได้ทุกระทงความผิด ความผิดของจำเลยที่ 2 ฐานผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ไม่ได้ก็จริง แต่เพิ่มได้ตามมาตรา 92 แม้โจทก์จะขอเพิ่มโทษตามมาตรา 93 โดยไม่ได้ขอมาตรา 92 มาด้วย ก็ชอบที่จะเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 92 ซึ่งเป็นบทที่เบากว่าได้

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ในกระทงความผิดฐานผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4พ.ศ. 2510 มาตรา 3 อีก 1 ใน 3 รวมเป็นโทษฐานนี้ 8 เดือน ดังนั้น รวมโทษ 2 กระทงจึงเป็นโทษจำคุกจำเลยที่สอง 4 ปี 8 เดือน เมื่อลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 3 ปี 1 เดือน 10 วัน นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share