แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สำเนาคำฟ้องฎีกา เมื่อเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า สั่งให้จำเลยฎีกาไม่ได้เพราะตัวจำเลยตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฎีกาแถลงมาภายใน 5 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครบกำหนด 5 วันไม่แถลงให้ศาลทราบย่อมถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอ คนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินนาของโจทก์ที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปทำนาและขับไล่ผู้เช่าของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้อง
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่เคยขับไล่ผู้เช่านาของโจทก์ ไม่ได้ขัดขวางการครอบครองที่ดินของโจทก์ จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดินเลขที่ ๙ หมู่ ๒ ตำบลสำโรงชัย อำเภอท่าตะโกจังหวัดนครสวรรค์ เนื้อที่ ๑๘ ไร่ มีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ช่วยทำนา
ในวันชี้สองสถาน คู่ความต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน โดยตกลงท้ากันให้ที่ดินอำเภอไพศาลี และปลัดอำเภอไพศาลีคนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอไพศาลีจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความเพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ ๒ หรือหมู่ที่ ๓ ตำบลสำโรงชัยแล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ ๓ ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ ๒ ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ
ต่อมานายอำเภอไพศาลีได้รายงานมายังศาลว่า ได้สั่งให้นายวชิระเมรีกุล ซึ่งเป็นปลัดอำเภอและนายวิศิษย์ เหมพยัฆภูมิ เสมียนพนักงานที่ดินอำเภอไพศาลี ไปดูที่พิพาทแทนนายรังษี สิทธิบุศย์ พนักงานที่ดินอำเภอซึ่งไปราชการท้องที่ และเจ้าพนักงานทั้งสองได้ไปดูที่พิพาทตามที่คู่ความนำชี้แนวเขตแล้วลงความเห็นว่า พอจะพิจารณาได้ว่าที่พิพาทตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ตำบลสำโรงชัย อำเภอไพศาลี ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า รายงานของเจ้าพนักงานที่คู่ความตกลงให้ไปดูที่พิพาทสมตามคำท้าของโจทก์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่นายวิศิษย์ เหมพยัฆภูมิ เสมียนพนักงานที่ดินอำเภอไพศาลีได้ไปดูที่พิพาทแทนพนักงานที่ดินอำเภอไพศาลี ไม่ตรงตามคำท้าของคู่ความยังฟังเป็นยุติตามคำท้าไม่ได้ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ตรงตามคำท้าของคู่ความต่อไปแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา ปรากฏว่าส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ ๑ ไม่ได้เจ้าพนักงานศาลรายงานว่าทราบจากคนใกล้เคียงกับบ้านจำเลยที่ ๑ ว่าจำเลยที่ ๑ ถูกยิงตายเสียแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แถลงมาภายใน ๕ วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครั้นครบกำหนด ๕ วัน โจทก์ไม่แถลงให้ศาลทราบ จึงถือได้ว่า โจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาสำหรับจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๗๔(๒) ให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ เสียจากสารบบความของศาลฎีกา คงพิจารณาต่อไปเฉพาะจำเลยที่ ๒
ศาลฎีกาเห็นว่า อุปนิสัย ความซื่อสัตย์สุจริต และคุณสมบัติอื่นของบุคคลที่คู่ความท้ากันให้กระทำการอย่างใด ๆ เพื่อถือเอาเป็นข้อแพ้ชนะของคดีนั้น ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเพราะเกี่ยวแก่ความไว้วางใจในเกียรติและคุณสมบัติของบุคคลนั้นเป็นการเฉพาะตัว เมื่อคู่ความท้ากันให้ปลัดอำเภอร่วมกับพนักงานที่ดินอำเภอไปดูที่พิพาท แต่เมื่อปรากฏว่าปลัดอำเภอร่วมกับเสมียนพนักงานที่ดินไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงตามความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องสมบูรณ์ตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
พิพากษายืน