คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 เจ้าหนี้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดดอกเบี้ยค้างชำระให้เจ้าหนี้แล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2533 ต่อมาเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองเป็นเงินจำนวน 2,342,421.79 บาทเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนคำขอรับชำระหนี้แล้วมีความเห็นว่า ควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จำนวน 2,164,782.71 บาท จากกองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองตามมาตรา 130(8) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกเสีย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534 มาตรา 18 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 เจ้าหนี้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดดอกเบี้ยค้างชำระให้เจ้าหนี้แล้วหรือไม่ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกา

Share