คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169/2538

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ทั้งสามฉบับได้ทำต่อเนื่องกันมาโดยระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ในสัญญาแต่ละฉบับแตกต่างกันซึ่งอาจตีความได้สองนัยว่าจะบังคับตามสัญญาฉบับใดเป็นเรื่องที่จะต้องตีความเจตนาของคู่สัญญาโดยเพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาเป็นสำคัญยิ่งกว่าตัวอักษรทั้งรูปคดีมีเหตุตีความได้ว่าคู่สัญญามีเจตนาจะผ่อนผันให้แก่กันโดยมีความประสงค์จะบังคับตามสัญญาฉบับสุดท้ายจำเลยจึงมีความผูกพันชำระดอกเบี้ยของต้นเงินตามสัญญาฉบับสุดท้ายเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย รับ ราชการ ใน สังกัด โจทก์ ใน ตำแหน่ง อาจารย์ 1วิทยาลัยครู มหาสารคาม กรม การ ฝึกหัด ครู ต่อมา จำเลย ได้ ทำ สัญญาไป ศึกษา ต่อ ภายใน ประเทศ ที่ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ตั้งแต่ วันที่ 15 มิถุนายน 2519 โดย มี ข้อ สัญญา ว่า เมื่อ จำเลยสำเร็จ การศึกษา แล้ว จำเลย จะ กลับ เข้า รับ ราชการ และ จะ ปฏิบัติ ราชการต่อไป อีก เป็น เวลา ไม่ น้อยกว่า 2 เท่า ของ เวลา ที่ จำเลย รับ เงินเดือนระหว่าง ที่ ไป ศึกษา ต่อ หาก ผิดสัญญา จำเลย ยินยอม ชดใช้ เงินทุน และ หรือเงินเดือน ลดลง ตาม ส่วน ของ เวลา ที่ จำเลย รับ ราชการ ไป บ้าง แล้ว และเบี้ยปรับ อีก 1 เท่า ของ เงิน ที่ ต้อง ชดใช้ ดังกล่าว แก่ โจทก์ ภายใน30 วัน นับแต่ วันที่ ได้รับ แจ้ง จาก โจทก์ หาก ผิดนัด จำเลย ยอม ให้คิด ดอกเบี้ย จาก เงิน ที่ ยัง ไม่ได้ชำระ อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี หลังจากจำเลย ได้ ทำ สัญญา ลา ไป ศึกษา ต่อ ภายใน ประเทศ แล้วแต่ เรียน ไม่สำเร็จจำเลย ได้ ทำ สัญญา ขออนุญาต ลา ศึกษา ต่อ อีก 2 ครั้ง จน กระทั่ง สำเร็จการศึกษา และ ได้ กลับมา เข้า รับ ราชการ ใน ตำแหน่ง และ สังกัด เดิมแต่ จำเลย รับ ราชการ ไม่ครบ ตาม กำหนด ใน สัญญา ก็ ถูก ไล่ออก จาก ราชการเป็น การ ผิดสัญญา จำเลย จึง ต้อง ชำระ เงิน แก่ โจทก์ เป็น เงิน 145,658.78บาท แต่ โจทก์ ได้รับ ชำระหนี้ จาก ผู้ค้ำประกัน บางส่วน แล้ว คงเหลือเงิน ที่ จำเลย จะ ต้อง รับผิด ต่อ โจทก์ จำนวน 51,704.66 บาท ขอให้ บังคับจำเลย ชำระ เงิน จำนวน 51,704.66 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ที่ ค้างชำระอัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี
จำเลย ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้น วินิจฉัย ว่า เอกสาร หมาย จ. 3 เป็น สัญญา ที่ โจทก์และ จำเลย ทำ ขึ้น ภายหลัง โดย ให้ เรียก ดอกเบี้ย ร้อยละ 12 ต่อ ปี ถือว่ามี ความ ประสงค์ จะ เรียก ดอกเบี้ย เพียง นั้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงินจำนวน 82,727.45 บาท พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 12 ต่อ ปี ใน ต้นเงิน51,704.66 บาท นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “โจทก์ ฎีกา ใน ปัญหาข้อกฎหมาย ว่า ก่อน ที่จำเลย จะ ลา ไป ศึกษา ต่อ นั้น โจทก์ กับ จำเลย ได้ ทำ สัญญา ข้าราชการไป ศึกษา ต่อ ภายใน ประเทศ กัน ไว้ ตาม เอกสาร หมาย จ. 1 ต่อมา จำเลย ขออนุญาตลา ศึกษา ต่อ อีก 2 ครั้ง และ ได้ ทำ สัญญา ตาม เอกสาร หมาย จ. 2 และ จ. 3โดย ลำดับ สัญญา ที่ ทำ ขึ้น ภายหลัง มี ลักษณะ ทำ ต่อเนื่อง กัน มา เพื่อเป็น หลักฐาน แสดง ว่า จำเลย มิได้ ขาด ราชการ เท่านั้น จึง ต้อง ถือเอาสัญญา เอกสาร หมาย จ. 1 เป็น หลัก ใน การ บังคับ ให้ จำเลย ชำระ ดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี คดี นี้ เป็น คดี ที่ ฎีกา ได้ เฉพาะ ใน ปัญหาข้อกฎหมายการ วินิจฉัย ปัญหา ดังกล่าว ศาลฎีกา จำต้อง ถือ ตาม ข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 ได้ วินิจฉัย จาก พยานหลักฐาน ใน สำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ ภาค 1 ฟัง ข้อเท็จจริง เป็น ยุติ ว่า จำเลย ซึ่ง รับ ราชการใน สังกัด โจทก์ ได้รับ อนุญาต ให้ ลา ไป ศึกษา ต่อ ภายใน ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2519 โจทก์ กับ จำเลย ได้ ทำ สัญญา ขึ้น ฉบับ แรกตาม เอกสาร หมาย จ. 1 ต่อมา มี การ ขอ ขยาย ระยะเวลา ศึกษา ต่อ ถึง 2 ครั้งโจทก์ กับ จำเลย จึง ได้ ทำ สัญญา กัน อีก ใน โอกาส ที่ มี การ ขอ ขยาย ระยะเวลาดังกล่าว ตาม เอกสาร หมาย จ. 2 และ จ. 3 โดย ลำดับ ซึ่ง ตาม สัญญา ดังกล่าวเมื่อ สำเร็จ การศึกษา แล้ว จำเลย ต้อง กลับ เข้า ปฏิบัติ ราชการ เป็น เวลาไม่ น้อยกว่า 2 เท่า ของ เวลา ที่ ลา ไป ศึกษา ต่อ หาก จำเลย ผิดสัญญารวมทั้ง กรณี ประพฤติ ผิด วินัย ถูก ไล่ออก จำเลย ต้อง ชดใช้ เงินทุน และเบี้ยปรับ พร้อม ดอกเบี้ย แก่ โจทก์ ปรากฏว่า เมื่อ จำเลย สำเร็จ การศึกษาแล้ว ได้ กลับ เข้า ปฏิบัติ ราชการ ใน ตำแหน่ง เดิม อยู่ ระยะ หนึ่ง แล้วถูก ไล่ออก คิด ระยะเวลา ที่ จำเลย กลับ เข้า ปฏิบัติ ราชการ แล้ว ยัง ไม่ครบตาม กำหนด เวลา ใน สัญญา จำเลย จะ ต้อง ชดใช้ เงินทุน และ เบี้ยปรับ เมื่อ คิดหัก ลดลง ตาม ส่วน และ หักเงิน ที่ ผู้ค้ำประกัน ชำระ แทน บางส่วน แล้วจำเลย ยัง คง ค้างชำระ แก่ โจทก์ อีก 51,704.66 บาท ปัญหา ที่ ต้อง วินิจฉัยใน ชั้น นี้ คง มี ว่า จำเลย จะ ต้อง ชำระ ดอกเบี้ย แก่ โจทก์ ใน ต้นเงิน ดังกล่าวเพียงใด เห็นว่า ตาม สัญญา ทั้ง สาม ฉบับ ดังกล่าว มี ข้อความ อย่างเดียว กันจะ ต่างกัน ก็ แต่ รายละเอียด เกี่ยวกับ ช่วง เวลา ที่ จำเลย ลา ไป ศึกษาต่อ ตาม ที่ ได้ ขอ ขยาย จาก กำหนด เดิม ออก ไป และ อัตรา ดอกเบี้ย ที่ ระบุ ในสัญญา เท่านั้น และ สัญญา แต่ละ ฉบับ ไม่มี ข้อความ เท้า ถึง กัน ซึ่ง ตามสัญญา เอกสาร หมาย จ. 1 และ จ. 2 ระบุ ดอกเบี้ย ของ เงิน ที่ ต้อง ชำระอัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี ส่วน สัญญา เอกสาร หมาย จ. 3 ซึ่ง ทำ ขึ้น เป็นฉบับ สุดท้าย คิด ดอกเบี้ย ใน กรณี เดียว กัน อัตรา ร้อยละ 12 ต่อ ปี ดังนี้การ ที่ โจทก์ อนุญาต ให้ จำเลย ขยายเวลา ศึกษา ต่อ โดย ได้ ทำ สัญญา เอกสาร หมายจ. 3 นั้น จึง มีผล ทำให้ จำเลย มิต้อง ตกเป็น ฝ่าย ผิดสัญญา เดิม ที่ ทำ กัน ไว้กับ มีผล เป็น การ เปลี่ยนแปลง อัตรา ดอกเบี้ย ใน สัญญา จาก เดิม ร้อยละ15 ต่อ ปี มา เป็น ร้อยละ 12 ต่อ ปี กรณี นี้ เมื่อ สัญญา ทั้ง สาม ฉบับได้ ทำ ต่อเนื่อง กัน มา โดย ระบุ อัตรา ดอกเบี้ย ไว้ ใน สัญญา แต่ละ ฉบับแตกต่าง กัน อย่าง ชัดเจน ซึ่ง อาจ ตีความ ได้ สอง นัย ว่า จะ บังคับ ตาม สัญญาฉบับ ใด เป็น เรื่อง ที่ จะ ต้อง ตีความ เจตนา ของ คู่สัญญา โดย เพ่งเล็ง ถึงเจตนา อัน แท้จริง ของ คู่สัญญา เป็น สำคัญ ยิ่งกว่า ตัวอักษร เห็นว่าการ เปลี่ยนแปลง อัตรา ดอกเบี้ย ให้ ลดหย่อน จาก อัตรา เดิม ที่ ทำ กัน ไว้ นั้นจะ ว่า ไม่มี ผล ใช้ บังคับ เลย นั้น ไม่ได้ รูปคดี มีเหตุ ตีความ ได้ว่าคู่สัญญา มี เจตนา จะ ผ่อนผัน ให้ แก่ กัน โดย มี ความ ประสงค์ จะ บังคับ ตามสัญญา ฉบับ สุดท้าย เมื่อ เป็น เช่นนี้ โจทก์ จะ ยก เอา เจตนา เดิม มา ลบล้างสัญญา ซึ่ง โจทก์ กับ จำเลย ทำ กัน โดย ตกลง กัน ใหม่ หาได้ไม่ จำเลย จึง มีความผูกพัน ชำระ ดอกเบี้ย ของ ต้นเงิน ดังกล่าว ใน อัตรา ร้อยละ 12 ต่อ ปีดัง ระบุ ไว้ ใน สัญญา เอกสาร หมาย จ. 3 เท่านั้น ศาลอุทธรณ์ ภาค 1พิพากษา ชอบแล้ว ฎีกา โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share