คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1689/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งว่าควรจะวินิจฉัยเบื้องต้นเกี่ยวกับการแปลสัญญาที่พิพาทเสียก่อนแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วงดสืบพยานนัดฟังคำพิพากษา คำสั่งนี้ศาลชั้นต้นก็เข้าใจว่าเป็นการสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ศาลฎีกาก็เห็นว่าเป็นการสั่งตาม มาตรา 24 และโจทก์อุทธรณ์ฎีกา ขอเพียงให้พิจารณาพิพากษาใหม่เท่านั้นจึงเสียค่าขึ้นศาล 20 บาทถูกต้องแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2498)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ให้ทำการตัดโค่น ฯลฯและขนส่งไม้สักนำไปรวมหมอนไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำปิง โดยตกลงคิดค่าจ้างให้แก่โจทก์และตกลงจะขายไม้ทั้งหมดให้แก่โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การต่อสู้ว่าตามสัญญาจำเลยจะขายไม้ทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่จำเลยก็ได้แล้วแต่จะตกลงกันและต่อสู้ประการอื่น ๆ อีก

ในวันชี้สองสถานโจทก์จำเลยส่งสัญญาจ้างทำป่าฝ่ายละ 1 ฉบับเป็นสัญญาเดียวกัน จำเลยแถลงว่าตามสัญญานั้นจำนวนไม้ที่จะขายจะต้องมีการตกลงกัน แต่เรื่องนี้ยังไม่มีการตกลงเพราะตกลงกันไม่ได้คู่ความรับกันว่าจำเลยยอมขายไม้ให้โจทก์ 3 ท่อน แต่โจทก์ไม่ตกลงซื้อ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าควรจะมีการวินิจฉัยเบื้องต้นเกี่ยวกับการแปลสัญญานี้ข้อ 3 เสียก่อน แล้วต่อมาได้สั่งว่า เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงได้งดสืบพยานเสีย แล้วพิพากษาว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้องเพราะยังไม่มีการตกลงกันตามสัญญาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานและยกฟ้องโจทก์เสีย แล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์อุทธรณ์ตาม มาตรา 24-227 ให้เรียกค่าขึ้นศาล20 บาท จำเลยคัดค้านว่าโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ร้อยละ 2 ครึ่ง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้ขอค่าเสียหายตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลชอบแล้วส่วนปัญหาว่าโจทก์จะขอสืบเจตนาของคู่สัญญานั้นเห็นว่าต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 จึงพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาประชุมใหญ่ในปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมแล้วเห็นว่าคดีนี้ในชั้นชี้สองสถานศาลได้จดรายงานว่า ฯลฯ เห็นควรจะมีการวินิจฉัยในเบื้องต้นเกี่ยวกับการแปลสัญญาข้อ 3 นี้เสียก่อนว่าโจทก์จะมีสิทธิดำเนินคดีได้เพียงไรหรือไม่” แล้วรุ่งขึ้นศาลจึงมีคำสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานแล้วก็พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีเป็นเรื่องวินิจฉัยชี้ขาดคดีเบื้องต้นในข้อกฎหมายอันทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24 แม้ศาลชั้นต้นก็เข้าใจเช่นนั้นนอกจากนี้โจทก์ก็ไม่ได้ฎีกาขอให้ชนะคดี ที่โจทก์เสียค่าขึ้นศาล 20 บาท จึงชอบแล้วสำหรับฎีกาที่โจทก์จะขอนำสืบเจตนาของคู่สัญญานั้นเห็นว่าสัญญานี้ไม่มีข้อที่จะต้องนำสืบอีกแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share