แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในฎีกาของจำเลยว่า ให้จำเลยวางเงินค่านำส่งตามข้อบังคับว่าด้วยการส่งคำคู่ความและเอกสารทางคดีในวันถัดไป จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องวางเงินค่านำส่งดังกล่าวภายในเวลาที่ศาลกำหนด เมื่อจำเลยไม่วางเงินค่านำส่งสำเนาฎีกาตามคำสั่งของศาลและศาลฎีกามีคำสั่งว่าจำเลยทิ้งฎีกา ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้ว คดีย่อมถึงที่สุด จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาเพื่อคัดค้านคำสั่งของศาลฎีกาได้อีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2551 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับเป็นฎีกาของจำเลยสำเนาให้โจทก์แก้ภายใน 15 วัน ให้จำเลยวางเงินค่านำส่งตามข้อบังคับว่าด้วยการส่งคำคู่ความและเอกสารทางคดีในวันถัดไป มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกา ต่อมาเจ้าหน้าที่รายงานว่าไม่ปรากฏว่าจำเลยมาดำเนินการนำส่งคำคู่ความแต่อย่างใด ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งว่าพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยทิ้งฎีกา ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลฎีกา
วันที่ 20 ตุลาคม 2554 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาคัดค้านคำสั่งศาลฎีกา 30 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ต่อมาวันที่ 21 พฤศจิกายน 2554 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาคัดค้านคำสั่งศาลฎีกาเป็นครั้งที่ 2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ากรณีคำสั่งศาลฎีกาเป็นที่สุด ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไว้ชัดแจ้งในฎีกาของจำเลยว่า ให้จำเลยวางเงินค่านำส่งตามข้อบังคับว่าด้วยการส่งคำคู่ความและเอกสารทางคดีในวันถัดไป จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องวางเงินค่านำส่งดังกล่าวภายในเวลาที่ศาลกำหนด ต่อมาเจ้าหน้าที่รายงานว่า บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยมาดำเนินการนำส่งคำคู่ความแต่อย่างใด ดังนี้ การที่จำเลยไม่วางเงินค่านำส่งสำเนาฎีกาตามคำสั่งของศาล ถือว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งว่าจำเลยทิ้งฎีกาและให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้ว คดีย่อมถึงที่สุด จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาเพื่อคัดค้านคำสั่งของศาลฎีกาได้อีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ