คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่พนักงานขายเสนอขายสินค้าของโจทก์แก่จำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายและการที่พนักงานขายสินค้าของโจทก์รับรองกับจำเลยว่าถ้าสินค้าที่จำเลยซื้อจากโจทก์ไม่สามารถใช้ผลิตสินค้าได้ยอมให้คืนสินค้าและยอมคืนเช็คพิพาทให้จำเลยจึงย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นตัวการให้ต้องยอมรับผลในข้อตกลงที่ได้ทำไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา820โจทก์ไม่มีสิทธินำเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาบางบอน จำนวนเงิน 375,000 บาท มอบให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้า เมื่อถึงวันที่ลงในเช็คโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินไม่ได้ เพราะธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 398,438 บาทและดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าในการซื้อขายสินค้าโจทก์ตกลงว่าหากสินค้าที่ขายให้ใช้กับเครื่องจักรในโรงงานของจำเลยไม่ได้ หรือขั้นตอนการใช้ยุ่งยากเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากโจทก์จะคืนเช็คพิพาทให้จำเลย เมื่อจำเลยนำสินค้าที่โจทก์ขายให้ไปทดลองใช้ปรากฎว่าใช้การไม่ได้ จำเลยจึงบอกให้โจทก์รับสินค้าคืนไปและคืนเช็คพิพาทให้จำเลยโจทก์เพิกเฉย เช็คพิพาทจึงไม่มีมูลหนี้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 398,438 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 375,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยซื้อสินค้าเคมีภัณฑ์ไซยานาพรีนจากโจทก์และสั่งจ่ายเช็คพิพาทตามเอกสารหมาย จ.4 เพื่อชำระราคาสินค้าแก่โจทก์แต่เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดชำระธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเนื่องจากจำเลยแจ้งธนาคารให้อายัดการจ่ายเงินตามเช็คเพราะสินค้าที่โจทก์ส่งให้แก่จำเลยมีปัญหา จำเลยไม่สามารถนำไปใช้ผลิตเป็นสินค้าได้ คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระราคาสินค้าแก่โจทก์ตามเช็คพิพาทหรือไม่ จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานจำเลยว่า ในการซื้อสินค้าไซยานาพรีนจากโจทก์ได้จ่ายเช็คพิพาทชำระราคาสินค้าให้โจทก์ นายสุรพล เยาวสังข์พนักงานขายสินค้าของโจทก์ตกลงกับจำเลยว่าหากไซยานาพรีนดังกล่าวไม่สามารถใช้ผลิตสินค้าโดยเครื่องจักรของจำเลยได้นายสุรพลยอมคืนเช็คพิพาทให้จำเลยปรากฎว่าสินค้าดังกล่าวใช้กับเครื่องจักรของจำเลยไม่ได้เพราะไม่สามารถเทไซยานาพรีนออกจากถังได้ นายสุรพลมาดูแล้วบอกว่าสินค้าส่งมาจากต่างประเทศเป็นเวลานาน อากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้สารเคมีแข็งตัว ไม่รู้จะทำอย่างไร ขอเวลากลับไปปรึกษากับช่างเทคนิคของบริษัทก่อนหลังจากนั้นนายสุรพลมาบอกจำเลยว่าจะต้องนำถังไซยานาพรีนเข้าอบในตู้อบ แต่เมื่อจำเลยนำไปอบแล้วไซยานาพรีนละลายเฉพาะส่วนผิวหน้าเท่านั้น ด้านล่างยังคงแข็งอยู่ จำเลยนำส่วนที่ละลายไปใช้ผลิตยางก็ใช้ไม่ได้เพราะไม่เป็นรูปทรงตามที่ต้องการ จำเลยจึงแจ้งให้นายสุรพลทราบและบอกให้มารับสินค้าคืนและคืนเช็คพิพาทแก่จำเลย แต่นายสุรพลไม่ได้มารับคืนและไม่คืนเช็คพิพาทให้จำเลยจึงไปแจ้งอายัดการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทตามเอกสารหมาย ล.1 นายสุรพล เยาวสังข์ เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าจำเลยเพิ่งซื้อสินค้าที่พิพาทจากโจทก์เป็นครั้งแรก หลังจากจำเลยรับสินค้าไปแล้วประมาณ 2 เดือน จำเลยติดต่อมาว่าสินค้าไซยานาพรีนให้จำเลยแข็งตัว เมื่อนายสุรพลไปดูปรากฎว่าสินค้าแข็งตัวจริงหลังจากนั้นจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบโดยทางโทรศัพท์ด้วยว่าจะแจ้งอายัดการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทและให้ไปรับสินค้าคืน แต่โจทก์ไม่ไปรับคืน จำเลยจึงอายัดการจ่ายเงินตามเช็ค และนายสุรพลเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าหลังจากได้รับแจ้งจากจำเลยว่าสินค้าใช้ไม่ได้ นายสุรพลเข้าไปในสถานประกอบการของจำเลยประมาณ 13 ครั้ง เพื่อหาวิธีการที่ทำให้ไซยานาพรีนที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์ใช้งานได้ แต่จำเลยก็ยังไม่สามารถใช้ได้ นายสุรพลไม่ทราบว่าไชยานาพรีนดังกล่าวจะเสียหรือไม่ คำเบิกความของนายสุรพลเจือสมกับคำเบิกความของจำเลยที่ว่าจำเลยซื้อสินค้าไซยานาพรีนจากโจทก์เป็นครั้งแรกและสินค้าดังกล่าวใช้การไม่ได้จำเลยจึงแจ้งให้โจทก์ไปรับสินค้าคืนและแจ้งให้โจทก์ทราบแล้วว่าจะอายัดการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท ทำให้ข้อนำสืบของจำเลยมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบดังกล่าวการที่จำเลยเพิ่งซื้อสินค้าไซยานาพรีนจากโจทก์เป็นครั้งแรกและสินค้ามีราคาสูงถึง 375,000 บาท โดยไม่ปรากฎว่าโจทก์ขายสินค้าให้แก่จำเลยในราคาถูกกว่าที่จำเลยเคยซื้อจากที่อื่นจึงน่าเชื่อว่าในขณะที่นายสุรพลเสนอขายสินค้าดังกล่าวและส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลย นายสุรพลได้ให้คำรับรองแก่จำเลยว่าหากสินค้าดังกล่าวใช้กับเครื่องจักรของจำเลยไม่ได้ ยอมให้จำเลยคืนหรือเปลี่ยนสินค้าใหม่ได้ และหากจำเลยคืนสินค้าก็จะคืนเช็คพิพาทให้เพื่อจูงใจให้จำเลยซื้อสินค้าดังที่จำเลยนำสืบ เพราะข้อตกลงดังกล่าวนับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการค้าขาย เมื่อนายสุรพลเป็นพนักงานขายสินค้าของโจทก์ มีหน้าที่นำสินค้าของโจทก์ไปเสนอขายให้แก่ลูกค้า การที่นายสุรพลเสนอขายสินค้าไซยานาพรีนของโจทก์ให้แก่จำเลย ย่อมถือได้ว่านายสุรพลเป็นตัวแทนของโจทก์ในการขายสินค้านี้โดยปริยายการที่นายสุรพลรับรองกับจำเลยว่าถ้าสินค้าที่จำเลยซื้อจากโจทก์ดังกล่าวไม่สามารถใช้ผลิตสินค้าได้ยอมให้คืนสินค้าและยอมคืนเช็คพิพาทให้จำเลยจึงย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นตัวการให้ต้องยอมรับผลในข้อตกลงที่นายสุรพลได้ทำไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 โจทก์จึงไม่มีสิทธินำเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share