คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1684-1685/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยกล่าวอ้างว่าหนังสือสัญญายืมเงินที่โจทก์ฟ้องเป็นเอกสารปลอมบางส่วนคือส่วนที่ระบุจำนวนเงินที่กู้ยืมนั้นจำเลยย่อมมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94 วรรคท้าย รูปคดีหาใช่เป็นเรื่องสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารอันต้องห้ามตามมาตรา 94 วรร(ข)ไม่

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้เป็นมูลกรณีเดียวกันนายสวัสดิ์ฟ้องนางเสมว่าทำหนังสือสัญญายืมเงินไป ๖,๐๐๐ บาท เมื่อ ๒๐ เม.ย.๙๕ แล้วไม่ชำระขอให้บังคับ นางเสมให้การปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญายืนตามฟ้อง และว่าได้เคยยืมเงินนายสวัสดิ์ครั้งหนึ่งเมื่อเดือน ๕ พ.ค. ๙๔ เป็นเงิน ๙๐๐ บาท แต่ได้ชำระต้นเงินดอกเบี้ยแล้วรวม ๑,๒๐๐ บ. นายสวัสดิ์ไม่คืนหนังสือสัญญาให้ นางเสมจึงฟ้องในสำนวนหลังว่าได้พิมพ์ลายมือในสัญญากู้ให้นายสวัสดิ์ไว้โดยไม่ได้กรอกข้อความเชื่อว่าเป็นฉบับที่นายสวัสดิ์ฟ้อง โดยนายสวัสดิ์จัดให้มีพยานกรอกข้อความจำนวนเงินเกินความจริง จึงขอให้ศาลแสดงว่าสัญญายืนนั้นเป็นโมฆะ นายสวัสดิ์ปฏิเสธและต่อสู้ตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อ ก.ม.ว่านางเสมนำสืบเพื่อหักล้างสัญญาทั้งฉบับได้ ไม่ใช่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร แล้วพิพากษาให้ยกฟ้องของนายสวัสดิ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายสวัสดิ์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ฝ่ายนางเสมอ้างว่าเอกสารที่นายสวัสดิ์นำมาแสดงนั้นเป็นเอกสารปลอมบางส่วนคือส่วนที่ระบุจำนวนเงินที่กู้ยืมนั้น ดังนี้นางเสมจึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ วรรคท้าย รูปคดีหาใช่เป็นเรื่องสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารตามความใน ม.๙๔ วรรค (ข) ไม่
พิพากษายืน

Share