คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนเพราะพยานโจทก์ทุกปากในชั้นสอบสวนว่าเกิดเหตุเวลา 19.00 น. แต่ชั้นศาลพิจารณาพยานโจทก์ทุกปากให้การว่าเกิดเหตุเวลา 17.00 น. เศษ โจทก์จึงขอแก้เวลาเกิดเหตุอันเป็นรายละเอียดซึ่งต่อสู้แถลงในฟ้องก่อนศาลพิพากษาดังนี้เมื่อไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหลงข้อต่อสู้ย่อมแก้ได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางคือเนื่องจากชั้นสอบสวนพยานว่าเกิดเหตุเวลา ๑๙.๐๐ น.ชั้นพิจารณาในศาลพยานโจทก์ทุกปากเบิกความว่าเกิดเหตุเวลา ๑๗.๐๐ น.เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้เวลาเกิดเหตุให้ตรงต่อความจริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่โจทก์ขอแก้ไม่ใช่เหตุอันสมควรไม่อนุญาต ให้งดสืบพยานจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ เห็นว่าคำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์มีเหตุอันสมควร พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้โจทก์แก้เพิ่มเติมฟ้องได้ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จะขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้หรือไม่นั้น ตาม ป.วิ.อาญา. ม.๑๖๓ โจทก์ย่อมกระทำได้ก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีนี้โจทก์มีเหตุผลสมควรเพราะปรากฎว่าพยานโจทก์ทุกปากให้การในชั้นสอบสวนว่าเหตุเกิดเวลา ๑๙.๐๐ น. ซึ่งบุคคลธรรมดาย่อมคิดว่าเป็นเวลากลางคืนแต่ชั้นศาลพิจารณาพยานโจทก์ทุกปากต่างให้การว่าเกิดเหตุเวลา ๑๗.๐๐ น.เศษ โจทก์จึงจำเป็นต้องขอแก้เวลาเกิดเหตุอันเป็นรายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้อง การที่โจทก์ขอแก้ฟ้องนั้นหาทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้คดีดังที่จำเลยฎีกาคัดค้านไม่ การขอแก้เวลาเกิดเหตุของโจทก์ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่ประการใด ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมาชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว
จึงพิพากษายืน

Share