แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาล จำเลยมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะอ้างว่าได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับไว้ก่อนแล้วหาได้ไม่ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าจะต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ดังนั้น จะนำวิธีการขอทุเลาการบังคับเช่นการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษามาใช้บังคับไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยร่วมกันรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ในการที่จำเลยที่ ๑ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนเสาไฟฟ้าของโจทก์ชำรุดเสียหาย
จำเลยที่ ๑ ให้การรับว่าได้ทำละเมิดต่อโจทก์จริงตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ให้การปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๓ ที่ ๔
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลภายใน ๗ วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ ก่อน
ครบกำหนดเวลาแล้ว จำเลยที่ ๒ ไม่นำเงินมาชำระหรือหาประกันมาวางศาล ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงไม่รับพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ ๒ นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลภายในกำหนด จำเลยที่ ๒ มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้น จะอ้างว่าได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับไว้ก่อนแล้วหาได้ไม่ เพราะการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าจะต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ดังนั้น จะนำวิธีการขอทุเลาการบังคับดังเช่นการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษามาใช้บังคับหาได้ไม่ เมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วย ทั้งไม่จำต้องวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ เป็นปัญหาข้อกฎหมายหรือไม่
พิพากษายืน