แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151ก็ต่อเมื่อผู้กระทำผิดมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ แล้วใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากตัวทรัพย์นั้นโดยมิได้เอาตัวทรัพย์ไป ไม่ใช่เพียงแต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์นั้นเท่านั้น จำเลยได้รับแต่งตั้งให้ดำเนินงานควบคุมจัดการกิจการประปาของเทศบาล ได้ติดตั้งการใช้น้ำประปาให้ ส. กับพวกแล้วไม่ลงทะเบียนผู้ใช้น้ำประปาเรียกเก็บค่าใช้น้ำประปาทุกเดือน และออกหลักฐานจำนวนก๊อกน้ำประปาของผู้ติดตั้งน้อยกว่าความจริงแล้วเก็บเงินมากกว่าจำนวนค่าธรรมเนียมที่เทศบาลกำหนด และโจทก์บรรยายฟ้องเจาะจงว่า จำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้ 3,955 บาท จากกิจการประปาของเทศบาลที่จำเลยรับไว้จาก ส. กับพวก ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยทุจริต ดังนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 151 ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ในระหว่างเวลาที่จำเลยมีหน้าที่ดำเนินงานควบคุมจัดการกิจการประปาเทศบาลตำบลอัมพวาตามที่นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอัมพวาแต่งตั้งจำเลยได้กระทำผิดกฎหมายต่างกรรมต่างวาระกัน คือ ระหว่างปี พ.ศ. 2508 วันเดือนและเวลาไม่ปรากฎชัด นายสมนึก สัจจวงศ์ ได้ยื่นคำร้องขอติดตั้งการใช้น้ำประปา และเมื่อระหว่างวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดในเดือนเมษายน 2510 นายเขียน ชื่นการค้า นายสง่า เจริญสุข นางคิ้ม อุดมผล และในระหว่างปี 2511 นายแย้ม เทียนศิริ ได้ยื่นคำร้องขอติดตั้งการใช้น้ำประปา จำเลยได้ติดตั้งท่อน้ำประปาให้ โดยเรียกเก็บค่าประกันการใช้น้ำประปา ค่าธรรมเนียมติดตั้งใช้น้ำประปา และหลังจากติดตั้งเสร็จแล้ว จำเลยได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้น้ำประปาประจำเดือนทุกเดือนตั้งแต่วันเริ่มใช้น้ำประปาตลอดมาจนถึงเดือนกันยายน 2513 จากบุคคลดังกล่าวแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,955 บาท จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการเทศบาลตำบลอัมพวาจำเลยกลับทุจริตต่อหน้าที่ มิได้นำคำร้องขอของผู้ใช้น้ำเสนอขออนุมัติปลัดเทศบาล นายกเทศมนตรีออกใบเสร็จรับเงินโดยไม่มีต้นขั้ว ไม่มีชื่อสมุหบัญชี ไม่ลงบัญชีประจำตัวผู้เก็บ ไม่นำเงินส่งต่อสมุหบัญชี แล้วจำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้จากกิจการน้ำประปาของเทศบาลตำบลอัมพวา จำนวน 3,955 บาทไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยสุจริต กับเมื่อระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม 2505 จนถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2512 จำเลยได้เรียกค่าธรรมเนียมติดตั้งการใช้น้ำประปาตามระเบียบของเทศบาลตำบลอัมพวาจากนายเซ้ง แซ่เตีย กับพวกรวม 20 ราย ผู้ขอติดตั้งการใช้น้ำประปารวมเป็นเงิน 2,750 บาท แล้วจำเลยได้ออกใบรับเงินให้นายเซ้งกับพวกเพียง 2,065 บาท ไม่ส่งเงินที่รับอีก 685 บาท กลับเบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวซึ่งเป็นรายได้ของเทศบาลตำบลอัมพวาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151, 157, 352, 353 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 7, 13
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมากลับให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามบทกฎหมายที่อ้างมาในฟ้อง แต่ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 อันเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกจำเลย 10 ปี ลดโทษเพราะมีเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง แต่การกระทำเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 บทเดียว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502มาตรา 3 ให้จำคุก 6 ปี ลดกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 3 ปี
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ด้วย จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การรับสารภาพเพราะสำคัญผิด
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยรับราชการตำแหน่งหัวหน้าหมวดกลางสำนักงานปลัดเทศบาลเทศบาลตำบลอัมพวา นายกเทศมนตรีได้แต่งตั้งให้จำเลยดำเนินงานควบคุมกิจการประปาของเทศบาล มีหน้าที่รับคำร้องขอของผู้ใช้น้ำประปานำคำร้องขอเสนอปลัดเทศบาลและนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอัมพวา เพื่ออนุมัติจัดการติดตั้งท่อน้ำก๊อกน้ำประปาให้แก่ผู้ขอใช้น้ำ ทำทะเบียนผู้ใช้น้ำ เขียนใบเสร็จรับเงินพร้อมต้นขั้วเสนอสมุหบัญชีเทศบาลลงชื่อและเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม ค่าประกันการใช้น้ำ ค่าใช้น้ำตามระเบียบของเทศบาลลงบัญชีประจำตัวผู้เก็บเงินแล้วนำเงินส่งเป็นเงินผลประโยชน์ของเทศบาล หรือส่งฝากในนามกิจการประปาในวันที่ได้รับเงินหรือวันรุ่งขึ้น หรือวันเปิดทำการ เมื่อระหว่างตั้งแต่วันเดือนใดไม่ปรากฏชัด พ.ศ. 2508 ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2513 จำเลยได้รับเงินค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในกิจการประปาของเทศบาลตำบลอัมพวาไว้ 3,955 บาท จำเลยบังอาจเบียดบังยักยอกเอาเงินจำนวนนี้ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต และระหว่างตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม2505 จนถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2512 จำเลยได้รับเงินค่าธรรมเนียมในการติดตั้งใช้น้ำประปาจากนายเซ้งกับพวกเป็นเงิน 2,750 บาท แต่จำเลยออกใบเสร็จรับเงินและนำเงินส่งสมุหบัญชีเพียง 2,065 บาท ไม่ส่ง 685 บาท จำเลยได้บังอาจเบียดบังเงินจำนวน 685 บาท ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต
ที่โจทก์ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้เพิ่มขึ้นกว่าข้อเท็จจริงในฎีกาที่ 605/2511 ตามที่ศาลอุทธรณ์อ้าง โดยในคดีนี้จำเลยติดตั้งการใช้น้ำให้นายสมนึก สัจจวงศ์ กับพวก รวม 5 ราย ไม่ลงทะเบียนผู้ใช้น้ำประปาของเทศบาล เรียกเก็บค่าใช้น้ำประปาทุกเดือน และจำเลยออกหลักฐานจำนวนก๊อกน้ำประปาของผู้ติดตั้งน้อยกว่าความจริง แล้วเก็บเงินมากกว่าจำนวนค่าธรรมเนียมที่เทศบาลกำหนดเป็นการอาศัยตำแหน่งหน้าที่ที่จำเลยเกี่ยวข้องกับทรัพย์นั้นในกิจการประปาหาประโยชน์นอกเหนือไปจากทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่เกี่ยวข้องครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ก็ต่อเมื่อจำเลยมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ แล้วใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากตัวทรัพย์นั้น โดยมิได้เอาตัวทรัพย์ไปไม่ใช่เพียงแต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ตามฎีกาของโจทก์ ทั้งตามฟ้องของโจทก์บรรยายเจาะจงว่า จำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้ 3,955 บาท จากกิจการน้ำประปาของเทศบาลตำบลอัมพวาที่จำเลยรับไว้จากนายสมนึก สัจจวงศ์ กับพวก รวม 5 คนไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริตซึ่งเป็นความผิดตรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เท่านั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ด้วย
พิพากษายืน