คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ก็ต่อเมื่อ ผู้กระทำผิดมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ แล้วใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากตัวทรัพย์นั้น โดยมิได้เอาตัวทรัพย์ไป ไม่ใช่เพียงแต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์นั้นเท่านั้น จำเลยได้รับแต่งตั้งให้ดำเนินงานควบคุมจัดการกิจการประปาของเทศบาล ได้ติดตั้งการใช้น้ำประปาให้ ส. กับพวก แล้วไม่ลงทะเบียนผู้ใช้น้ำประปา เรียกเก็บค่าใช้น้ำประปาทุกเดือน และออกหลักฐานจำนวนก๊อกน้ำประปาของผู้ติดตั้งน้อยกว่าความจริง แล้วเก็บเงินมากกว่าจำนวนค่าธรรมเนียมที่เทศบาลกำหนด และโจทก์บรรยายฟ้องเจาะจงว่าจำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้ 3,955 บาท จากกิจการประปาของเทศบาลที่จำเลยรับไว้จาก ส. กับพวก ไว้เป็นประโยชน์ส่วตัว โดยทุจริต ดังนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 151 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ในระหว่างเวลที่จำเลยมีหน้าที่ดำเนินงานควบคุมจัดการกิจการประปาเทศบาลตำบลอัมพวาตามที่นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลอัมพวา แต่งตั้งจำเลยได้กระทำผิดกฎหมายต่างกรรมต่างวาระกัน คือระหว่างปี พ.ศ.๒๕๐๘ วันเดือนและเวลาไม่ปรากฏชัด นายสมนึก สัจจวงศ์ ได้ยื่นคำร้องขอติดตั้งการใช้น้ำประปา และเมื่อระหว่างวันเวลาใด ไม่ปรากฏชัดในเดือนเมษายน ๒๕๑๐ นายเขียน ชื่นการค้า นายสง่า เจริญสุข นางคิ้ม อุดมผล และในระหว่างปี ๒๕๑๑ นายแย้ม เทียนศิริ ได้ยื่นคำร้องขอติดตั้งการใช้น้ำประปา จำเลยได้ติดตั้งท่อน้ำประปาให้ โดยเรียกเก็บค่าประกันการใช้น้ำประปา ค่าธรรมเนียมติดตั้งใช้น้ำประปา และหลังจากติดตั้งเสร็จแล้ว จำเลยได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้น้ำประปาประจำเดือนทุกเดือน ตั้งแต่วันเริ่มใช้น้ำประปาตลอดมาจนถึงเดือนกันยายน ๒๕๑๓ จากบุคคลดังกล่าวแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๙๕๕ บาท จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการเทศบาลตำบลอัมพวา จำเลยกลับทุจริตต่อหน้าที่ มิได้นำคำร้องขอของผู้ใช้น้ำเสนอขออนุมัติปลัดเทศบาล นายกเทศมนตรี ออกใบเสร็จรับเงินโดยไม่มีต้นขั้ว ไม่มีชื่อสมุหบัญชี ไม่ลงบัญชีประจำตัวผู้เก็บ ไม่นำเงินส่งต่อสมุหบัญชี แล้วจำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้จากกิจการน้ำประปาของเทศบาลตำบลอัมพวาจำนวน ๓,๙๕๕ บาท ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต กับเมื่อระหว่างวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๐๕ จนถึงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๑๒ จำเลยได้เรียกค่าธรรมเนียมติดตั้งการใช้น้ำประปาตามระเบียบของเทศบาลตำบลอัมพวาจากนายเซ้ง แซ่เตีย กับพวกรวม ๒๐ ราย ผู้ขอติดตั้งการใช้น้ำประปารวมเป็นเงิน ๒,๗๕๐ บาท แล้วจำเลยได้ออกใบรับเงินให้นายเซ้งกับพวกเพียง ๒,๐๖๕ บาท ไม่ส่งเงินที่รับอีก ๖๘๕ บาท กลับเบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวซึ่งเป็นรายได้ของเทศบาลตำบลอัมพวาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๗, ๑๕๑, ๑๕๗, ๓๕๒, ๓๕๓ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.๒๕๐๒ มาตรา ๓, ๗, ๑๓
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมากลับให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามบทกฎหมายที่อ้างมาในฟ้อง แต่ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ อันเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี ลดโทษเพราะมีเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา ๗๘ ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย ๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง แต่การกระทำเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ บทเดียว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.๒๕๐๒ มาตรา ๓ ให้จำคุก ๖ ปี ลดกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลย ๓ ปี
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ ด้วย จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การรับสารภาพเพราะสำคัญผิด
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยรับราชการตำแหน่งหัวหน้าหมวดกลางสำนักงานปลัดเทศบาลตำบลอัมพวา นายกเทศมนตรีได้แต่งตั้งให้จำเลย ดำเนินงานควบคุมกิจการประปาของเทศบาล มีหน้าที่รับคำร้องขอของผู้ใช้น้ำประปานำคำร้องขอเสนอปลัดเทศบาลและนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอัมพวา เพื่ออนุมัติจัดการติดตั้งท่าน้ำก๊อกน้ำประปาให้แก่ผู้ขอใช้น้ำ ทำทะเบียนผู้ใช้น้ำ เขียนใบเสร็จรับเงินพร้อมต้นขั้วเสนอสมุหบัญชีเทศบาลลงชื่อและเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม ค่าประกันการใช้น้ำ ค่าใช้น้ำตามระเบียบของเทศบาล ลงบัญชีประจำตัวผู้เก็บเงิน แล้วนำเงินส่งเป็นเงินผลประโยชน์ของเทศบาล หรือส่งฝากในนามกิจการประปาในวันที่ได้รับเงินหรือวันรุ่งขึ้น หรือวันเปิดทำการ เมื่อระหว่างตั้งแต่วันเดือนใดไม่ปรากฏชัด พ.ศ.๒๕๐๘ ถึงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๑๓ จำเลยได้รับเงินค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในกิจการประปาของเทศบาลตำบลอัมพวาไว้ ๓,๙๕๕ บาท จำเลยบังอาจเบียดบังยักยอกเอาเงินจำนวนนี้ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต และระหว่างตั้งแต่วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๐๕ จนถึงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๑๒ จำเลยได้รับเงินค่าธรรมเนียมในการติดตั้งใช้น้ำประปาจากนายเซ้งกับพวกเป็นเงิน ๒,๗๕๐ บาท แต่จำเลยออกใบเสร็จรับเงินและนำเงินส่งสมุหบัญชีเพียง ๒,๐๖๕ บาท ไม่ส่ง ๖๘๕ บาท จำเลยได้บังอาจเบียดบังเงินจำนวน ๖๘๕ บาท ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต
ที่โจทก์ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้เพิ่มขึ้นกว่าข้อเท็จจริงในฎีกาที่ ๖๐๕/๒๕๑๑ ตามที่ศาลอุทธรณ์อ้าง โดยในคดีนี้จำเลยติดตั้งการใช้น้ำให้นายสมนึก สัจจวงศ์ กับพวกรวม ๕ รายไม่ลงทะเบียนผู้ใช้น้ำประปาของเทศบาล เรียกเก็บค่าใช้น้ำประปาทุกเดือน และจำเลยออกหลักฐาน จำนวนก๊อกน้ำประปาของผู้ติดตั้งน้อยกว่าความจริง แล้วเก็บเงินมากว่าจำนวนค่าธรรมเนียมที่เทศบาลกำหนด เป็นการอาศัยตำแหน่งหน้าที่ที่จำเลยเกี่ยวข้องกับทรัพย์นั้นในกิจการประปา หาประโยชน์นอกเหนือไปจากทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่เกี่ยวข้อง ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ ก็ต่อเมื่อจำเลยมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ แล้วใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากตัวทรัพย์นั้น โดยมิได้เอาตัวทรัพย์ไป ไม่ใช่เพียงแต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ตามฎีกาของโจทก์ ทั้งตามฟ้องของโจทก์บรรยายเจาะจงว่าจำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้ ๓,๙๕๕ บาท จากกิจการน้ำประปาของเทศบาลตำบลอัมพวาที่จำเลยรับไว้จากนายสมนึก สัจจวงศ์ กับพวกรวม ๕ คนไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต ซึ่งเป็นความผิดตรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ เท่านั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ ด้วย
พิพากษายืน

Share