คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การอนุมัติให้คนต่างด้าวเข้ามาในเขตจังหวัดเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้ว่าราชการจังหวัด และการอนุมัติให้คนต่างด้าวออกนอกเขตจังหวัดเป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดในบางกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดมิได้มอบหมายเป็นหนังสือให้จำเลยซึ่งเป็นปลัดจังหวัดเป็นผู้ทำการแทน จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติให้คนต่างด้าวเข้ามาหรือออกนอกเขตจังหวัด การที่จำเลยสั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดทำแบบหนังสืออนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาหรือออกนอกเขตจังหวัด ลงนามในตำแหน่งปลัดจังหวัดทำการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประทับตราจังหวัดและแจกจ่ายหนังสืออนุญาตที่มีลายมือชื่อจำเลยนี้ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติราชการชายแดนไทยพม่านำไปกรอกเติมข้อความมอบให้แก่ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2502มาตรา 13 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุก 2 ปี จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าตามวันเวลาที่โจทก์หา จำเลยดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อปี พ.ศ. 2498 กระทรวงมหาดไทย ได้มีประกาศห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรในทางหรือเขตชายแดนติดต่อต่างประเทศที่กำหนด ได้แก่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2519 ทางราชการได้มีนโยบายผ่อนผันให้บุคคลสัญชาติพม่าและคนต่างด้าวที่อยู่ใกล้ชายแดนไทยพม่าเดินทางเข้ามาในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ และกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางปฏิบัติว่า บุคคลซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายแดนไทยพม่าในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน หากจะเดินทางเข้ามาในเขตชุมชนของจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีอำนาจออกใบอนุญาต หากบุคคลดังกล่าวขอเดินทางออกนอกเขตจังหวัดก็ให้เสนอคำขอพร้อมด้วยเหตุผลความจำเป็นไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณา นายไพฑูรย์ ลิมปิทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนในขณะนั้นจึงได้กำหนดวิธีปฏิบัติให้ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในเขตหรือเดินทางออกนอกเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนต้องยื่นคำร้องขอตามแบบคำร้องที่กำหนด และในกรณีฉุกเฉินที่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกเขตจังหวัดโดยรีบด่วน ก็ให้ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่จังหวัดเพื่อนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาผ่อนผันเป็นพิเศษเฉพาะราย จำเลยสั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดทำแบบหนังสืออนุญาตให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในเขตจังหวัดหนังสืออนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในเขตจังหวัดและหนังสืออนุญาตให้คนต่างด้าวเดินทางออกนอกเขตจังหวัดโดยหนังสืออนุญาตดังกล่าวจำเลยได้ลงนามในตำแหน่งปลัดจังหวัดทำการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประทับตราจังหวัดและแจกจ่ายหนังสืออนุญาตที่มีลายมือชื่อจำเลยนี้ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติราชการชายแดนไทยพม่านำไปกรอกเติมข้อความมอบให้แก่ผู้ที่ประสงค์จะเดินทาง ต่อมามีผู้นำหนังสืออนุญาตดังกล่าวไปขายให้แก่ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางในราคาฉบับละ 30-50 บาท มีปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
ปัญหาเบื้องต้นที่จะวินิจฉัยมีว่า จำเลยซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีหน้าที่ในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาหรือออกนอกเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนหรือไม่เห็นว่า ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ข้อ 51 ปลัดจังหวัดมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้ว่าราชการจังหวัด และตามข้อ53 วรรคท้าย อำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติหรือการปฏิบัติราชการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะพึงปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องใด ถ้ากฎหมายระเบียบ ข้อบังคับนั้น หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นมิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็นอย่างอื่น ผู้ว่าราชการจังหวัดจะมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้รองผู้ว่าราชการ ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดคนใดทำการแทนในนามผู้ว่าราชการจังหวัด ตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดก็ได้กระทรวงมหาดไทยจึงได้วางระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการมอบอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดให้แก่รองผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพ.ศ. 2516 ตามเอกสารหมาย ป.จ.7 กำหนดให้การมอบอำนาจทำการแทนเช่นว่านั้นต้องทำเป็นหนังสือ และการใดแม้จะมอบกันได้ตามกฎหมายแต่ไม่เป็นการเหมาะสมก็อาจสงวนเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้ว่าราชการจังหวัด เช่น งานที่มีคำสั่งหรือระเบียบแบบแผนระบุว่าเป็นอำนาจหน้าที่เฉพาะตัวของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยนายไพฑูรย์ ลิมปิทีป ได้มีคำสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ 696/2519 เรื่อง การมอบอำนาจให้หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดทำการแทนในนามผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามเอกสารหมาย ป.จ.3กำหนดขอบข่ายและลักษณะงานราชการที่มอบอำนาจให้ปลัดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนทำการแทนในนามผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และกำหนดงานราชการที่อยู่ในอำนาจเฉพาะตัวของผู้ว่าราชการจังหวัดในการสั่งการอนุญาต หรืออนุมัติ ซึ่งรวมถึงงานที่เกี่ยวกับราชการชายแดนและการรักษาความสงบเรียบร้อยซึ่งมีความสำคัญและกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศได้ความจากคำเบิกความของนายไพฑูรย์ ลิมปิทีป พยานโจทก์ว่าพยานมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่1 ตุลาคม 2519 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2521 การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นหน้าที่ของจำเลยทำมาก่อน เมื่อพยานไปรับตำแหน่ง พยานไม่ได้เปลี่ยนแปลงอำนาจหน้าที่ของจำเลยและไม่ได้มอบหมายเป็นหนังสือให้จำเลยทำหน้าที่นี้ จำเลยทำหน้าที่ต่อไปโดยปริยาย จำเลยเป็นผู้อนุมัติการเข้ามาในเขตเมืองได้ และหากจะออกไปจังหวัดอื่นต้องรายงานขออนุมัติกระทรวง เช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่า การอนุมัติให้คนต่างด้าวเข้ามาในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้นเป็นงานที่อยู่ในอำนาจเฉพาะตัวของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนและการอนุมัติให้คนต่างด้าวออกนอกเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนในบางกรณีทั้งนายไพฑูรย์ ลิมปิทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนในขณะนั้นก็มิได้มอบหมายเป็นหนังสือให้จำเลยเป็นผู้ทำการแทน จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติให้คนต่างด้าวเข้ามาหรือออกนอกเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน กรณีที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ที่โจทก์ฟ้อง จำเลยจะต้องเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่ของจำเลยโดยตรง เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่ในการอนุมัติดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงไม่อาจกระทำความผิดตามฟ้องได้”
พิพากษายืน

Share