คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้ง ท. ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการทรัพย์มรดกที่พิพาทได้จนกว่าจะคดีจะถึงที่สุดตามที่คู่ความตกลงกัน เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 การที่คู่ความตกลงกันให้มีการคุ้มครองประโยชน์จนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น ไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่ประการใด ข้อตกลงจึงใช้ได้ จะนำบทบัญญัติมาตรา 260 มาใช้บังคับให้เป็นการขัดแย้งกับข้อตกลงของคู่ความไม่ได้

ย่อยาว

เดิม โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมฉบับลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๐ ของนางปลั่งเป็นโมฆะ ระหว่างพิจารณาจำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๑๑ ขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ แล้วทั้งสองฝ่ายตกลงให้ศาลตั้งนายทองคำเป็นผู้จัดการมรดกตลอดจนจัดการต่าง ๆ ได้ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น เมื่อตกลงกันแล้ว โจทก์จำเลยยอมมอบข้าวเปลือกค่าเช่านามรดกที่เก็บได้ให้แก่นายทองคำ
ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาว่า พินัยกรรมที่โจทก์ฟ้องใช้ไม่ได้ จำเลยอุทธรณ์ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นายทองคำแถลงว่า โจทก์ไม่ยอมส่งข้าวที่เป็นค่าเช่านา อ้างว่าโจทก์ชนะคดีแล้ว จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๑๑ ข้อให้ศาลชั้นต้นบังคับให้โจทก์นำข้าวเปลือกค่าเช่านาจำนวน ๒,๖๘๐ ถัง มามอบให้ศาล เพื่อมอบให้นายทองคำจัดการตามที่ตกลงกัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ ว่า โจทก์จำเลยตกลงกันแล้ว แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์จัดการมอบข้าวเปลือกแก่นายทองคำภายใน ๑๕ วัน หากมอบให้ไม่ได้ ก็ให้มอบเงินแทน โดยคิดราคาเกวียนละ ๑,๓๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งที่สั่งให้โจทก์มอบข้าวเปลือก
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นในกรณีนี้ถือว่าเป็นอันยกเลิกไปในตัว พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลยลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๑๑
จำเลยฎีกาต่อมาว่า จะนำมาตรา ๒๖๐, ๒๖๔ มาใช้บังคับไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า การคุ้มครองประโยชน์ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นายทองคำปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการทรัพย์มรดกรายนี้ได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามที่คู่ความตกลงกัน เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ แต่การคุ้มครองประโยชน์ตามคำสั่งดังกล่าวหาได้คุ้มครองเพียงชั่วระยะเวลาจำกัดในระหว่างการพิจารณาคดีดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ บัญญัติไม่ การที่คู่ความตกลงกันให้มีการคุ้มครองประโยชน์จนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น ไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่ประการใด ข้อตกลงนี้จึงใช้ได้ เมื่อข้อตกลงนี้ยังมิได้เลิกหรือเพิกถอน ก็ต้องปฏิบัติไปตามที่ตกลง ฉะนั้นนำบทบัญญัติมาตรา ๒๖๐ มาใช้บังคับให้เป็นการขัดแย้งกับข้อตกลงของคู่ความดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยหาได้ไม่
พิพากษากลับ ให้โจทก์ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๑

Share