แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ตามฟ้องโจทก์อ้างว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นโมฆะ เพราะผู้ทำพินัยกรรมมิได้ลงชื่อต่อหน้าพยาน และพยานมิได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น ทั้งในวันชี้สองสถานโจทก์ก็ได้แถลงรับว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมฉบับพิพาทไว้จริงแต่ตกเป็นโมฆะเพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การที่โจทก์ยกขึ้นอ้างใหม่ในคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องภายหลังวันชี้สองสถานว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอม จึงมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ชอบที่ศาลจะยกคำร้องของโจทก์เสีย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามและจำเลยทั้งสามเป็นบุตรของเจ้ามรดกซึ่งเป็นมารดา โจทก์ทั้งสามได้ขอรับมรดก แต่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้จำเลยทั้งสามแล้ว ซึ่งพินัยกรรมดังกล่าวได้ทำขึ้นโดยถูกฉ้อฉล เจ้ามรดกมิได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานสองคนพร้อมกัน และพยานมิได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น ขอให้พิพากษาว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นโมฆะ และให้โจทก์ทั้งสามได้รับส่วนแบ่งมรดกตามฟ้อง จำเลยทั้งสามให้การว่า พินัยกรรมตามฟ้องชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้องเมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่า ความจริงเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้แต่จำเลยทั้งสามร่วมกับสามีจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันทำปลอมขึ้นโดยเอากระดาษเปล่ามาหลอกให้นางบัวจันทร์ลงชื่อแล้วนำไปกรอกข้อความโดยนางบัวจันทร์มิได้รู้เห็นยินยอมจึงตกเป็นโมฆะและเป็นผลให้จำเลยทั้งสามถูกกำจัดมิให้รับมรดกของนางบัวจันทร์ ขอให้ศาลพิพากษาว่า พินัยกรรมฉบับลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2521 ซึ่งมีชื่อนางบัวจันทร์ เป็นผู้ทำพินัยกรรมปลอมและเป็นโมฆะ ขับไล่จำเลยทั้งสามและบริวารออกจากที่ดิน น.ส.3 ทะเบียนเลขที่ 70 หน้า 14เล่มที่ 1 ใส่ชื่อโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของ ให้จำเลยทั้งสามส่งมอบสังหาริมทรัพย์ตามฟ้องแก่โจทก์ หากส่งไม่ได้ให้ใช้ราคา 41,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องก่อนวันชี้สองสถาน ทั้งที่โจทก์ทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้วก่อนยื่นฟ้องและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยนั้น เห็นว่าตามฟ้องโจทก์อ้างเหตุโมฆกรรมของพินัยกรรมฉบับพิพาทว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทที่เจ้ามรดกทำไว้มิได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ทำพินัยกรรมมิได้ลงชื่อต่อหน้าพยาน และพยานมิได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้นทั้งในวันชี้สองสถาน โจทก์ได้แถลงรับว่านางบัวจันทร์ ศรีมงคล ได้ทำพินัยกรรมฉบับพิพาทตามฟ้องไว้จริงแต่ตกเป็นโมฆะเพราะทำขึ้นฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย อันเป็นการแถลงยืนยันข้อกล่าวอ้างตามฟ้อง การที่โจทก์มายกเหตุขึ้นอ้างใหม่ในคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่า พินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอมหาใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยดังที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งไม่ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน