แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายสุพีจำเลยทำอนาจารบุตรผู้เสียหาย ที่สุดจำเลยกับพวกได้ไปสู่ขอหญิงตามประเพณี เมื่อไม่ตกลงค่าสินสอดกัน จำเลยคนหนึ่งกล่าวว่าไม่ตกลงก็กลับ ฝ่ายหญิงว่านายสุเทพกลับได้แต่ต้องขอตัวนายสุพีไว้ก่อน นายสุเทพว่าอยากได้คนหรือเงินก็ไปฟ้องเอา ฝ่ายหญิงบอกให้ผู้ตายไปคุมตัวนายสุพีไว้พอผู้ตายลุกขึ้นนายสุเทพพูดว่าพวกเราจัดการ จัดการอะไรไม่ได้กล่าว อาจหมายเพียงให้ขัดขวางมิให้จับกุมหรืออย่างใดไม่แน่ทั้งนั้นส่วนนายคลังจำเลยอีกคนควักปืนออกมาขู่ให้นั่งที่สุดยิงไป 1 นัด หันปากกระบอกไปทางไม่มีคน แสดงว่าไม่เจตนายิงใคร ดังนี้แม้พวกของจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปจะได้แทงผู้ตายตาย พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกที่หลบหนีไปฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยทั้งสองยังไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องสำนวนหนึ่งว่านายสุเทพนายคลังจำเลยกับพวกที่ยังจับไม่ได้ สมคบกันมีปืน ฯลฯ ทำร้ายนายสงตายโดยเจตนา นายสุเทพจำเลยที่ 1 เคยต้องคำพิพากษาให้รอการลงโทษไว้ ขอให้พิพากษารวมโทษที่รอไว้ด้วยขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 249, 63, 41, 42 ฯลฯ
อีกสำนวนหนึ่งโจทก์ฟ้องว่านายคลังจำเลยมีปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษ
นางงอขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในเรื่องแรก
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ นายสุเทพรับว่าศาลได้พิพากษารอการลงโทษไว้จริง ระหว่างพิจารณานายคลังจำเลยกลับรับสารภาพว่าได้มีปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 249, 63 ให้จำคุกคนละ 16 ปี ให้บวกโทษของนายสุเทพจำเลยอีก2 เดือนที่ศาลได้รอไว้ตามสำนวนคดีแดงที่ 320/2496 รวมเป็นจำคุกนายสุเทพ 16 ปี 2 เดือน นายคลังจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8, 72 อีกกระทงหนึ่งให้ปรับ 120 บาท เฉพาะความผิดฐานนี้ปรานีลดโทษตามมาตรา 59 คงปรับ 80 บาท ฯลฯ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานฆ่าคนตายตามสำนวนคดีดำที่ 548/2496 ของศาลชั้นต้น นอกนั้นคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฝ่ายเดียวฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกับพวกได้มาสู่ขอหญิงตามประเพณี แม้จะปรากฏว่าฝ่ายจำเลยบางคนมีมีดและปืนติดตัวมาด้วยก็ดี ยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าสมคบกันมากระทำผิด จะสันนิษฐานว่าได้สมคบกันในขณะกระทำผิดก็ยังไม่ถนัดอีก กล่าวคือปรากฏเพียงว่าเมื่อไม่ตกลงกันเรื่องค่าสินสอดแล้ว นายสุเทพจำเลยได้กล่าวว่าเมื่อไม่ตกลงก็ต้องกลับแสดงว่าจำเลยไม่ตั้งใจมากระทำผิด ฝ่ายหญิงว่าพวกนายสุเทพกลับไปได้แต่ต้องขอตัวนายสุพีไว้ นายสุเทพจำเลยจึงว่าอยากได้คนหรืออยากได้เงินก็ให้ไปฟ้องเอาไม่แสดงท่าทีว่าจะร่วมในการกระทำผิดแต่อย่างใดต่อเมื่อฝ่ายหญิงบอกให้นายสงไปคุมตัวนายสุพีไว้ นายสงลุกขึ้นจะเดินไปทางนายสุพี นายสุเทพจำเลยจึงพูดว่าพวกเราจัดการ จัดการอะไรอย่างใดไม่ได้กล่าว อาจเป็นเพียงขัดขวางไม่ได้จับกุมหรืออย่างใดไม่แน่ทั้งนั้น ส่วนนายคลังจำเลยที่ 2 ควักปืนออกมาขู่ว่าหยุด ๆ นั่งใครจะไปไหนไม่ได้ ก็เป็นทำนองขู่เพื่อไม่ให้จับกุมตัวนายสุพี ในที่สุดได้ยิงขู่ไปหนึ่งนัด หันปากกระบอกไปทางที่ไม่มีคนเป็นการแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะกระทำแก่ใคร เป็นแต่กระทำการขู่เท่านั้น ในที่สุดจำเลยทั้งสองก็ยอมให้จับโดยดี มิได้มีการขัดขวางอย่างใดอีก และพูดว่าไม่ได้ทำผิด จับทำไม ทำไมไม่จับนายไปล่เห็นว่าคดียังไม่พอฟังว่าจำเลยได้สมคบกับนายไปล่ในการกระทำผิด
พิพากษายืน