แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสามและตั้งผู้ทำแผน ต่อมาผู้ทำแผนยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขออนุญาตเบิกจ่ายเงินของลูกหนี้ทั้งสามเพื่อชำระค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายของผู้ทำแผน ศาลแพ่งมีคำสั่งอนุญาต ต่อมามีการโอนสำนวนไปยังศาลล้มละลายกลางและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของศาลแพ่ง ผู้ทำแผนจึงยื่นคำร้องขอเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายส่วนที่ค้างต่อศาลล้มละลายกลาง ศาลล้มละลายกลางสั่งยกคำร้อง ผู้ทำแผนจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งโดยขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ผู้ทำแผนเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายจากบัญชีของลูกหนี้ทั้งสามได้ เมื่อปรากฏว่าภายหลังจากที่ผู้ทำแผนยื่นอุทธรณ์ ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสามโดยกำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้กำหนดค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีล้มละลายหรือคดีฟื้นฟูกิจการโดยหักจากเงินในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายให้ผู้ทำแผนแล้วโดยผู้ทำแผนมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่ประการใด เท่ากับว่าผู้ทำแผนสามารถเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้อยู่แล้วตามคำสั่งศาลดังกล่าว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ทำแผนอีกต่อไป ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องขอทั้งห้าร่วมกันยื่นคำร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสามต่อศาลแพ่ง ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสามและตั้งบริษัทเซ้าท์ สาธร แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผน ผู้ทำแผนได้เข้าดำเนินการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสาม และกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้การดำเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้ทั้งสามสามารถดำเนินต่อไปได้ รวมทั้งได้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสามยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ระหว่างพิจารณาก่อนกำหนดนัดพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสาม ผู้ทำแผนยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีในขณะนั้นขออนุญาตเบิกจ่ายเงินของลูกหนี้ทั้งสามเพื่อชำระค่าวิชาชีพ ค่าใช้จ่ายของผู้ทำแผนและที่ปรึกษากฎหมาย ศาลแพ่งมีคำสั่งว่า ค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้ทำแผนดำเนินการจัดทำแผนเพื่อฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสามให้สามารถประกอบกิจการต่อไปได้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันจำเป็นเพื่อให้การดำเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้ดำเนินไปได้ ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (9) และกรณีมีความจำเป็นที่ผู้ทำแผนจะต้องเบิกจ่ายเพื่อนำไปใช้ในระหว่างที่มีการจัดทำแผนดังกล่าว อนุญาตให้ผู้ทำแผนเบิกเงินค่าวิชาชีพ ค่าใช้จ่ายของผู้ทำแผนและที่ปรึกษากฎหมายได้ในอัตราร้อยละ 30 ของจำนวนเงินค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ส่วนค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเป็นหนี้ที่จะต้องไปขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ
ต่อมาวันที่ 21 และ 30 กันยายน 2542 ผู้ทำแผนได้ยื่นคำร้องขอเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายส่วนที่ยังค้างจ่ายต่อศาลล้มละลายกลางซึ่งรับโอนสำนวนคดีจากศาลแพ่ง เพราะที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการ
ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2542 ว่า ค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายหรือคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสาม เพื่อให้กระบวนพิจารณาคดีล้มละลายหรือคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสามสามารถดำเนินไปตามกระบวนการที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ มิใช่การกระทำที่จำเป็นเพื่อให้การดำเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้ทั้งสามสามารถดำเนินต่อไปได้ และมิใช่การจำหน่าย จ่าย โอน ให้เช่า ชำระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทำการใด ๆ ซึ่งก่อให้เกิดภาระในทรัพย์สินอันศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (9) ได้ ประกอบกับไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้อำนาจแก่ศาลที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้เบิกจ่ายตามที่ผู้ทำแผนร้องขอมาได้ จึงให้ยกคำร้องและมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2542 แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสาม โดยให้ลูกหนี้ตามที่ผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอมาในแต่ละคดี ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่ผู้ร้องขอในแต่ละคดี โดยให้หักจากเงินในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในแต่ละคดีก่อนที่จะมีการสั่งให้รวมพิจารณา สำหรับค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้กำหนดให้ในแต่ละคดีเช่นกัน สำหรับค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายดังกล่าวเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายหรือคดีฟื้นฟูกิจการ จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าว ซึ่งหักจากเงินในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสำหรับคดีนี้ จึงให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้พิจารณากำหนดค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของผู้ทำแผน เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดแล้ว หากกรณีทำให้บุคคลใดได้รับความเสียหายก็สามารถใช้สิทธิตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 ต่อไปได้
ผู้ทำแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 24 โดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้อุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ผู้ทำแผนอุทธรณ์คำสั่งศาลล้มละลายกลางลงวันที่ 1 ตุลาคม 2542 ที่ให้ยกคำร้องขอเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายของผู้ทำแผนฉบับลงวันที่ 21 และ 30 กันยายน 2542 โดยขอให้ศาลฎีกาพิพากษาว่า ค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายของผู้ทำแผนที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ทั้งสาม เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการกระทำที่จำเป็นเพื่อให้การดำเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้ทั้งสามสามารถดำเนินต่อไปได้ และอนุญาตให้ผู้ทำแผนเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายจากบัญชีของลูกหนี้ทั้งสามได้ ผลตามคำขอในอุทธรณ์ของผู้ทำแผนย่อมมีประการเดียวคือ ให้ผู้ทำแผนมีสิทธิเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายจากบัญชีของลูกหนี้ทั้งสาม เมื่อปรากฏตามรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฉบับลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2542 ว่า หลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2542 ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายให้ผู้ทำแผน ผู้ทำแผนได้ยื่นคำขอเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายเมื่อวันที่ 27 และ 28 ตุลาคม 2542 และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายให้ผู้ทำแผน และกำหนดค่าทนายความในชั้นศาลรวม 3 คดี เป็นเงิน 9,000 บาท แล้ว โดยผู้ทำแผนมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลางให้ผู้ทำแผน เท่ากับว่าผู้ทำแผนสามารถเบิกจ่ายค่าวิชาชีพและค่าใช้จ่ายได้ตามคำขอในอุทธรณ์ของผู้ทำแผนแล้ว กรณีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ทำแผนอีกต่อไป
ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.