คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้อง ดังนี้โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคห้า และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยร่วมกันชำระหนี้ที่ค้างและดอกเบี้ยรวม 807,865.40 บาท

จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ และจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระหนี้ และยกฟ้องแย้งจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องพร้อมคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วให้ยกคำร้อง ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายใน 15 วัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยมีพยานหลักฐานอยู่อีกมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริง ๆ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องจำเลย โดยวินิจฉัยว่าเป็นการขอให้สืบซ้ำกับที่สืบและที่ศาลฟังมาแล้ว และคำร้องก็มิได้เสียค่าธรรมเนียม

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องไว้ดำเนินการไต่สวนต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายอุทธรณ์คำสั่งของศาลที่ไม่รับคำร้องของจำเลย และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาเสีย จำเลยก็ยังยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนได้อีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรค 4 ตามคำร้องของจำเลยก็ได้กล่าวไว้ในข้อ 2 ว่า จำเลยมีพยานหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนอนาถาจริง ๆ ซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่ จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาและมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป คำร้องของจำเลยดังกล่าวเป็นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอใหม่ มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องยื่นภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคห้า และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา

พิพากษายืน

Share