คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าแม้จำเลยจะทำสัญญาลงไปโดยความสำคัญผิด แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญอันจะทำให้ตกเป็นโมฆะ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญโดยเข้าใจผิดในตัวทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งนิติกรรม ตกเป็นโมฆะ ดังนี้เมื่อโจทก์ฎีกาต่อสู้ในทางข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้มีความสำคัญผิด แต่หาได้ยกข้อ ก.ม.ที่ว่า แม้จะสำคัญผิด ก็หาใช่เป็นข้อสำคัญอันจะทำให้เป็นโมฆะไม่ แล้วเมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยสำคัญผิดแล้ว ฎีกาโจทก์ก็ฟังไม่ขึ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ตามสัญญาปรานีประนอมจากจำเลย
จำเลยต่อสู้หลายประการ และว่าได้ทำสัญญาโดยสำคัญผิดในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญของนิติกรรม สัญญาปรานีประนอมจึงเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ แบ่งทรัพย์ให้โจทก์ตามส่วน สำหรับจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว สำหรับสัญญาปรานีประนอมที่กล่าว ศาลแพ่งว่าแม้จำเลยกระทำโดยสำคัญผิดแต่ก็ไม่ใช่ในสาระสำคัญ อันจะทำให้ตกเป็นโมฆะ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญโดยเข้าใจผิดในตัวทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งนิติกรรมตกเป็นโมฆะ โจทก์ฎีกาต่อสู้ในทางข้อเท็จจริงเป็นใจความว่า จำเลยไม่ได้มีความสำคัญผิด แต่หาได้ยกข้อ ก.ม.ที่ว่าแม้จะสำคัญผิดเช่นนั้น ก็หาใช่ความสำคัญผิดอันจะทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะไม่
สำหรับข้อเท็จจริง ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยสำคัญผิดจริงฎีกาโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น คงพิพากษายืน

Share