คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ข้อบังคับของบริษัทจะมีระบุไว้ว่ากรรมการผู้มีชื่อคนหนึ่งแต่ผู้เดียวมีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราผูกพันบริษัทได้ก็ตาม ก็เป็นข้อบังคับในเรื่องอำนาจของกรรมการ ถ้าไม่มีข้อห้ามไว้เป็นอย่างอื่นแล้ว ผู้จัดการของบริษัทก็อาจที่จะลงนามในสัญญาผูกมัดบริษัทได้ ดังตัวอย่างฎีกาที่ 645/2486 และ 892/2486

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้จ้างจำเลยทำการหล่อเครื่องไฮไดรลิคสำหรับใช้อัดน้ำมันมะพร้าว จำเลยได้หล่อและส่งเครื่องให้โจทก์แล้ว แต่เสื้อสูบไม่ดีใช้การไม่ได้ จำเลยรับรองจะหล่อให้ใหม่ แต่แล้วไม่จัดการหล่อให้ โจทก์ต้องจัดการสัมภาระมาทำเสื้อสูบนั้น และต้องเสียค่าแรงงานเป็นเงิน ๓๒๐๐๐ บาทต้องขาดรายได้ เพราะไม่ได้ใช้เครื่องวันละ ๓๐๐ บาทรวม ๙๒ วันเป็นเงิน ๒๗๖๐๐ บาท ขอให้จำเลยใช้เงิน ๒ จำนวนนี้
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องรับผิด แต่ในสัญญามีให้ใช้เงินเพียง ๑๐๐๐๐ บาทค่าเสียหายที่โจทก์เรียกมานอกเหนือในข้อสัญญา จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๑๐๐๐๐ บาท
โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยหล่อเครื่องไม่ดีไปชิ้นหนึ่ง จำเลยจึงทำหนังสือรับรองจะหล่อให้ใหม่ แล้วไม่หล่อ หนังสือรับรองนี้ผู้จัดการบริษัทจำเลยเป็นคนทำให้โจทก์ไว้ จำเลยเถียงว่า ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลย นายสมบุญกรรมการคนเดียวมีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราผูกพันบริษัทได้ ข้ออ้างของจำเลยนี้เป็นข้อบังคับในเรื่องอำนาจของกรรมการ แม้จะมีข้อจำกัดอำนาจกรรมการไว้เช่นนี้แต่ถ้าไม่มีข้อห้ามไว้เป็นอย่างอื่นแล้ว ผู้จัดการก็อาจลงนามในสัญญาผูกมัดบริษัทได้ ดังฎีกาที่ ๖๔๕/๒๔๘๖ , ๘๙๒/๒๔๘๖ ข้อเถียงของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ในเรื่องค่าเสียหาย ฟังว่าโจทก์จ่ายสิ้นไป ๓๒๐๐๐ บาท
จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงิน ๓๒๐๐๐ บาทแก่โจทก์

Share