คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกู้เงินผู้เสียหายแล้วทำหนังสือสัญญากู้ลงลายมือชื่อผู้อื่นในช่องผู้กู้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเองเป็นผู้กู้ การกระทำของจำเลยเป็นการทุจริตเพื่อจะให้ได้เงินที่กู้ไป แต่มิให้ผู้เสียหายใช้สัญญากู้นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืนจากจำเลย ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ เมื่อจำเลยได้มอบสัญญากู้ให้ผู้เสียหายยึดถือไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจทำเอกสารสัญญากู้เงินอันเป็นเอกสารสิทธิปลอมขึ้น โดยลงลายมือชื่อนายเสมอ พรหมจำปา ปลอมลงในเอกสารสิทธิดังกล่าว แล้วใช้เอกสารสิทธิดังกล่าว เอาเงินนางชัวแมแซ่ฉั่ว ไป 3,200 บาท โดยอ้างว่าตนเองเป็นผู้กู้เงิน โดยประการที่จะเกิดความเสียหายแก่นายเสมอ เพราะทำให้นายเสมอตกอยู่ในฐานะผู้กู้เงินและเกิดความเสียหายแก่นางชัวแม เพราะได้ให้เงินไปจำนวนดังกล่าวการกระทำของจำเลยเพื่อให้นางชัวแมหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและจำเลยยังได้หลอกลวงนางชัวแมว่าขอกู้เงินและขอทำสัญญากู้ไว้ให้โดยตนเองเป็นผู้ลงลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญานั้น แต่ความจริงจำเลยหาได้ยอมตนเป็นผู้กู้โดยลงชื่อตามเอกสารในสัญญากู้ไม่ กลับลงชื่อนายเสมอในฐานะเป็นผู้กู้ และไม่ยอมบอกความจริงนั้นแก่นางชัวแมโดยการหลอกลวงดังกล่าว จำเลยได้เงินไปจากนางชัวแม 3,200 บาทและทำให้นางชัวแมผู้ถูกหลอกลวงทำสัญญากู้เงินอันเป็นเอกสารสิทธิขึ้นโดยลงลายมือชื่อให้ผู้กู้ในเอกสารนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 341 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงแต่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 และมาตรา 268 ลงโทษตามมาตรา 268 จำคุก 8 เดือนข้อหาฐานฉ้อโกงและคำขอให้คืนหรือใช้เงินให้ยก

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานใดตามฟ้องพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานฉ้อโกงโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในข้อหาฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 คงรับวินิจฉัยให้เฉพาะฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม

ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยกู้เงินผู้เสียหายไป 3,200 บาท จำเลยทำหนังสือกู้ให้ผู้เสียหายไว้ โดยผู้เสียหายกับนายเผ่าพยานในสัญญากู้ไม่เห็นขณะจำเลยลงชื่อในช่องผู้กู้ว่าลงอย่างไร การที่จำเลยลงชื่อนายเสมอในช่องผู้กู้ ทำให้ผู้เสียหายกับนายเผ่าหลงเชื่อว่าจำเลยเองเป็นผู้กู้ การกระทำของจำเลยเป็นการทุจริตเพื่อจะให้ได้เงินที่กู้ไป แต่มิให้ผู้เสียหายใช้สัญญากู้นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืนจากจำเลย ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย สัญญากู้เป็นเอกสารสิทธิ จำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ จำเลยได้มอบสัญญากู้ให้ผู้เสียหายยึดถือไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่งด้วย

พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share