คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้

ย่อยาว

จำเลยที่ 2 ยื่นฟ้องอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลแพ่ง ๆ สั่งรับอุทธรณ์ สำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่ง ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ เพราะไม่ได้ร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อส่งหมายและสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้โจทก์ภายในกำหนด 15 วันทางไต่สวนได้ความว่า ฝ่ายจำเลยไปนำเจ้าพนักงานกองหมายส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้แก่ทนายโจทก์เกิน 15 วันไปวันหนึ่ง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามมาตรา 174(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี

จำเลยที่ 2 ฎีกา อ้างฎีกาที่ 237/2491

ศาลฎีกาเห็นว่า การทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งฟ้องได้โดยอนุโลมดังที่ศาลฎีกาได้พิพากษาเป็นแบบอย่างไว้แล้วตามฎีกาที่ 679/2490

คดีนี้ จำเลยนำเจ้าพนักงานส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไปวันหนึ่ง แม้จะถือว่า เป็นการทิ้งฟ้อง ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 ก็ตามแต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งจำหน่ายคดี กรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 ตามคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 57/2493ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ที่ได้ความในคดีนี้ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลย

จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่สั่งจำหน่ายคดีนี้เสียให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาต่อไป

Share