แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินอันเป็นการยื่นคำร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (2) ต่อศาลจังหวัดอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามมาตรา 188 (1) แต่เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านเข้ามา คดีจึงเปลี่ยนเป็นคดีมีข้อพิพาทโดยมีราคาทรัพย์สินที่พิพาทไม่เกิน 200,000 บาท คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 (4)
การที่ศาลแขวงสุพรรณบุรีไม่รับโอนคดีและส่งสำนวนคืนศาลจังหวัดสุพรรณบุรีจึงเป็นเรื่องที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีและศาลแขวงสุพรรณบุรีต่างไม่รับคดีของผู้ร้องไว้พิจารณา แม้อุทธรณ์ของผู้ร้องจะมีเนื้อหาเป็นการโต้แย้งคำสั่งของศาลแขวงสุพรรณบุรีที่ไม่ยอมรับโอนคดี แต่เมื่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรีรับสำนวนคืนมาจากศาลแขวงสุพรรณบุรีแล้ว ทั้งคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าระหว่างศาลจังหวัดสุพรรณบุรีกับศาลแขวงสุพรรณบุรี ศาลใดจะต้องพิจารณาคดีนี้ต่อไป ผู้ร้องชอบที่จะยื่นอุทธรณ์คดีนี้ต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรีได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรีให้มีคำสั่งว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 3216 ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อที่เฉพาะส่วนประมาณ 4 ไร่ เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอ ในวันนัดพร้อมเพื่อดูแผนที่พิพาท คู่ความแถลงร่วมกันว่าที่ดินพิพาทมีราคาไม่เกิน 200,000 บาท ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีเห็นว่าคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวง จึงให้โอนคดีไปพิจารณาที่ศาลแขวงสุพรรณบุรี แต่ศาลแขวงสุพรรณบุรี เห็นว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวงจึงไม่รับโอนคดีและคืนสำนวนไปยังศาลจังหวัดสุพรรณบุรี
ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีมีคำสั่งนัดพร้อม และแจ้งวันนัดให้คู่ความทราบ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิอุทธรณ์ว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงสุพรรณบุรีหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลแขวงสุพรรณบุรีไม่รับโอนคดีและส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นรับสำนวนคืนมาแล้วได้นัดพร้อมคู่ความและแจ้งวันนัดพร้อมให้คู่ความทราบ ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นและศาลแขวงสุพรรณบุรีต่างไม่รับพิจารณาคดีของผู้ร้อง แม้เนื้อหาอุทธรณ์ของผู้ร้องจะเป็นทำนองโต้แย้งคำสั่งของศาลแขวงสุพรรณบุรีที่ไม่ยอมรับโอนคดี แต่เมื่อศาลชั้นต้นรับสำนวนคืนจากศาลแขวงสุพรรณบุรีแล้ว ทั้งคดีจะต้องมีปัญหาวินิจฉัยระหว่างศาลชั้นต้นกับศาลแขวงสุพรรณบุรี ศาลใดจะต้องพิจารณาต่อไป ผู้ร้องชอบที่จะอุทธรณ์คดีนี้โดยยื่นที่ศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น แต่อย่างไรก็ตามศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาที่ว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นหรือศาลแขวงสุพรรณบุรีไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัย เห็นว่า แม้คดีนี้ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์อันเป็นการยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) ต่อศาลชั้นต้นอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามมาตรา 188 (1) แต่เมื่อผู้คัดค้านได้ยื่นคำคัดค้านเข้ามา คดีจึงเปลี่ยนเป็นคดีมีข้อพิพาทโดยมีราคาทรัพย์สินที่พิพาทไม่เกิน 200,000 บาท ดังที่คู่ความแถลงร่วมกัน คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงสุพรรณบุรีที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 (4) ศาลชั้นต้นชอบที่จะโอนคดีเรื่องนี้ไปให้ศาลแขวงสุพรรณบุรีพิพากษาต่อไปได้”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกคำสั่งศาลแขวงสุพรรณบุรีให้ศาลแขวงสุพรรณบุรีรับโอนคดีนี้ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป