คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทราบดีว่าโจทก์ขายบุหรี่ด้วยเงินเชื่อและไม่เกินราคา จำเลยได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน จนเจ้าพนักงานได้ดำเนินคดีฟ้องโจทก์ หาว่าขายบุหรี่เกินราคา และจำเลยได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการแต่ศาลไม่อนุญาต ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานฟ้องเท็จด้วย

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตอำเภอปากพนัง และทำการในตำแหน่งเลขานุการสโมสรข้าราชการอำเภอ ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ ในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องเป็นจำเลยหาว่าขายบุหรี่ให้แก่จำเลยเกินราคา ในคดีก่อนศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีเช่นนี้ จึงไม่อนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ขายบุหรี่เกินราคา พิพากษายกฟ้องคดีของอัยการโจทก์จึงนำมาฟ้องคดีนี้หาว่าจำเลยแจ้งความเท็จ เบิกความเท็จและฟ้องเท็จ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๑๕๘ และ ๑๕๕ ให้รวมกระทงลงโทษจำเลยจำคุก ๑ ปี
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทราบดีแล้วว่าโจทก์ขายบุหรี่ด้วยเงินเชื่อและไม่เกินราคา แต่จำเลยกับเข้าเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการและสาบาลตัวเบิกความเท็จต่อศาล จำเลยต้องมีความผิดตามฟ้อง การที่จำเลยขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ หากศาลไม่อนุญาต ไม่ทำให้จำเลยพ้นผิดฐานฟ้องเท็จได้ แต่ศาลชั้นต้นปรับบทความผิดฐานเบิกความเท็จตามมาตรา ๑๕๕ ยังคลาดเคลื่อน จำเลยเบิกความเท็จในคดีอาญาต้องวางโทษตามมาตรา ๑๕๖
พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๑๕๘ ,๑๕๖ ให้จำคุก ๑ ปี

Share