คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1663/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ค่าปรับหรือเบี้ยปรับเป็นค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ถ้าสูงเกินส่วนศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยขอผ่อนผันการทำงานอีกหลายครั้งแต่จำเลยก็ทำงานไม่แล้วเสร็จ พฤติการณ์ของจำเลยอยู่ในความรู้เห็นของโจทก์ โจทก์ย่อมเล็งเห็นได้ว่าจำเลยไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จได้ น่าจะต้องละทิ้งงานและเกิดความเสียหาย โจทก์จึงควรใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาภายในเวลาอันสมควร แต่โจทก์กลับละเลยปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเกือบ 1 ปี จึงบอกเลิกสัญญา ความเสียหายจึงเกิดจากความล่าช้าของโจทก์ที่ไม่บอกเลิกสัญญาในเวลาอันสมควรอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง และเมื่อพิเคราะห์ทางได้เสียของโจทก์ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้ปรับจำเลยวันละ 5,000 บาท จึงนับว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสมดีแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับวันละ 6,899.80 บาท นับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,283,833.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันที่จำเลยได้รับทราบการบอกเลิกสัญญาจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,489,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,655,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2539 โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ขุดลอกร่องน้ำและก่อสร้างกำแพงกันดินร่องน้ำคูขุด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เริ่มทำงานวันที่ 15 ตุลาคม 2539 กำหนดงานแล้วเสร็จภายในวันที่ 12 เมษายน 2540 หากทำไม่แล้วเสร็จจะต้องถูกปรับวันละ 6,899.80 บาท ตามสำเนาสัญญาว่าจ้างเอกสารหมาย จ.1 จำเลยทำงานไม่แล้วเสร็จ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2541 จำเลยได้รับเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2541 เห็นว่า ค่าปรับหรือเบี้ยปรับเป็นค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ถ้าสูงเกินส่วนศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยขอผ่อนผันการทำงานอีกหลายครั้งแต่จำเลยก็ทำงานไม่แล้วเสร็จ พฤติการณ์ของจำเลยอยู่ในความรู้เห็นของโจทก์ โจทก์ย่อมเล็งเห็นได้ว่าจำเลยไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จได้น่าจะต้องละทิ้งงานและเกิดความเสียหาย โจทก์จึงควรใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาภายในเวลาอันสมควร แต่กลับละเลยปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเกือบ 1 ปี จึงบอกเลิกสัญญา เมื่อความเสียหายเกิดจากความล่าช้าไม่บอกเลิกสัญญาในเวลาอันสมควรอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง และโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏชัดแจ้งว่าโจทก์เสียหายเต็มจำนวนค่าปรับที่กำหนดไว้ในสัญญา ทั้งจำเลยไม่ได้รับค่าจ้างจากโจทก์และโจทก์ก็ริบหลักประกันของจำเลยไปแล้ว เมื่อพิเคราะห์ทางได้เสียของโจทก์ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้ปรับจำเลยวันละ 5,000 บาท นับถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบงานตามสัญญาไปจนถึงวันบอกเลิกสัญญา รวม 331 วัน เป็นเงิน 1,655,000 บาท นับว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสมดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share