คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1663/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระข้าวค่าเช่าหรือเงินแก่โจทก์จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานไปยึดทรัพย์(ข้าว) จำเลยแล้ว แต่การยึดขัดข้องเพราะโจทก์ไม่สามารถหาคนรักษา แทนที่โจทก์จะดำเนินการตามวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 303(2) เกี่ยวกับเรื่องยึดทรัพย์ โจทก์กลับยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ตำรวจเป็นผู้รักษาทรัพย์ต่อไป เมื่อตำรวจตอบขัดข้องเพราะกำลังไม่พอประกอบกับมีเหตุพอสันนิษฐานได้ว่าข้าวในนาจำเลยได้เก็บเกี่ยวไปหมดแล้วเช่นนี้ คดีของโจทก์ก็ไม่มีทางที่จะสั่งประการใดได้

ย่อยาว

เรื่องเดิมศาลพิพากษาให้จำเลยนำข้าวค่าเช่าที่ค้าง 689 ถังหรือเป็นเงิน 6,200 บาท กับดอกเบี้ยไปชำระโจทก์

จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับตามคำพิพากษา

โจทก์จึงขอให้ออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย

ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีแล้ว

ต่อมาโจทก์แถลงว่าได้นำเจ้าพนักงานบังคับไปยึดทรัพย์จำเลยแล้วแต่การยึดขัดข้องเพราะไม่สามารถหาคนรักษาทรัพย์

ศาลชั้นต้นสอบถามเจ้าพนักงานบังคับคดี ๆ แถลงว่าไม่ได้ทำการยึดเพราะหาผู้รักษาไม่ได้ และโจทก์ก็ไม่สามารถรักษาและไม่สามารถจัดหาคนรักษาได้ หากศาลช่วยมีหนังสือขอให้เจ้าพนักงานตำรวจช่วยจัดคนรักษาให้ก็อาจเป็นผลสำเร็จ ศาลจึงมีหนังสือ ถึงเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ ๆตอบว่ากำลังตำรวจน้อยไม่พอที่จะรักษา

โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจเป็นผู้รักษาทรัพย์เพื่อโจทก์จะได้เข้ายึดทรัพย์ของจำเลยต่อไป

เจ้าพนักงานกองหมายรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าไม่สามารถจะจัดหาคนรักษาทรัพย์ได้และว่าโจทก์ยังมิได้นำเจ้าพนักงานกองหมายยึดทรัพย์จำเลย

ศาลชั้นต้นจึงสั่งคำร้องของโจทก์ว่าตำรวจแจ้งว่ากำลังไม่พอ หากจะสั่งซ้ำไปก็ย่อมจะไร้ผลเพราะการรักษาทรัพย์ที่ยึดในคดีแพ่งไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตำรวจ จึงให้ยกคำร้องของโจทก์

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งขอให้เจ้าพนักงานตำรวจเป็นผู้ รักษาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296, 258(1) และมาตรา 25 เพื่อโจทก์จะได้เข้ายึดทรัพย์เป็นการบังคับคดีตามสิทธิที่มีอยู่

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาขอให้มีคำสั่งตาม กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254, 296 ให้เจ้าพนักงานตำรวจสถานีหนองแขมเป็นผู้รักษาทรัพย์ต่อไปให้โจทก์ตามสิทธิของโจทก์จงได้

ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 303(2) เกี่ยวกับเรื่องยึดทรัพย์มีบัญญัติไว้ว่า “ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำโดยมอบไว้ในความอารักขาของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยความยินยอมของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หรือมอบให้ไว้ในอารักขาของบุคคลอื่นใดซึ่งครอบครองทรัพย์สินนั้นอยู่ และแจ้งการยึดให้ลูกหนี้หรือบุคคลเช่นนั้นทราบ ฯลฯ” แต่โจทก์มิได้ฎีกาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการเกี่ยวแก่เรื่องนี้อย่างใดเจ้าพนักงานตำรวจมิใช่เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีตามกฎหมาย ทั้งตอบขัดข้องในการที่จะรับรักษาทรัพย์ ไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลจะสั่งบังคับให้เป็นผู้รักษาทรัพย์ได้ หลังจากตำรวจตอบขัดข้องโจทก์ก็หาได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการเกี่ยวแก่ทรัพย์รายนี้ต่อไปประการใดอีก และปรากฏในคำร้องของโจทก์ต่อมาว่าจำเลยได้ทำการเก็บเกี่ยวข้าวที่ยึดไปบ้างแล้วและกำลังเกี่ยวต่อไปอีก เวลาล่วงมากว่า 8 เดือนแล้วสันนิษฐานได้ว่า ณ บัดนี้ไม่มีข้าวในนาที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวเหลืออยู่ให้จำต้องมีการรักษาจะตามความประสงค์ของโจทก์อีกแล้ว คดีไม่มีทางที่จะมีคำสั่งให้ตามที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา

พิพากษายืน

Share